แว๊กซ์คิ้ว

การออกแบบทรงคิ้ว คือการกำจัดขนบริเวณรอบคิ้วด้วยการใช้ขี้ผึ้งร้อนปาดบนบริเวณขนที่ต้องการ และใช้ผ้าซับขี้ผึ้ง และดึงออกในทิศทางย้อนเส้นขน เพื่อกำจัดขนได้หมดจดทั้งราก


การออกแบบทรงคิ้ว (Eyebrow Shaping) ของ TINGLE คือการออกแบบรูปทรงคิ้วที่เหมาะสมกับรูปหน้าของลูกค้า โดยช่างผู้เชี่ยวชาญที่ผ่านการอบรมตามมาตรฐานของ TINGLE ซึ่งอุปกรณ์ที่ใช้ในกระบวนการออกแบบทรงคิ้วนั้นได้ถูกคัดสรรมาอย่างพิถีพิถันจากแหล่งที่มาที่มีคุณภาพ และเชื่อถือได้

ข้อดีของการออกแบบทรงคิ้ว

  1. คิ้วได้รูปทรงโดยไม่ทำร้ายผิว ทำให้คุณมีทรงคิ้วที่สวยเหมาะกับใบหน้า และขับให้ใบหน้าดูสดใสมากขึ้น
  2. การแว็กซ์ขนได้ผลลัพธ์ดีกว่าวิธีการถอนหรือกัน เพราะไม่ทำร้ายผิว ลดการเกิดขนคุด และทำให้ขนที่ขึ้นใหม่บางลงเรื่อยๆ
  3. การแว๊กซ์ขนอย่างสม่ำเสมอจะทำให้ขนที่งอกใหม่มีอัตราที่น้อยลงเรื่อยๆ และจะหยุดงอกในที่สุด
  4. สำหรับผู้ที่แต่งหน้าและเขียนคิ้วเป็นประจำ การแว็กซ์ขนคิ้วทำให้เขียนคิ้วง่ายขึ้น ลดเวลาการแต่งหน้าได้

จุดเด่นของการออกแบบทรงคิ้วที่ TINGLE

  • เราทำการวิเคราะห์ใบหน้า ออกแบบและจัดแต่งคิ้วให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคลโดยเฉพาะ
  • เทคนิคของเราเป็นเทคนิคสากลที่ถูกนำมาประยุกต์ให้เข้ากับรูปหน้าคนเอเชีย
  • เราใช้ Wax คุณภาพสูงที่ผลิตจากธรรมชาติ 100% นำเข้าจากประเทศแคนาดา ผลที่ได้คือขนที่เรากำจัดออกไปจะขึ้นช้ากว่า Wax แบรนด์อื่น และจะให้ขนที่ขึ้นมามีเส้นเล็ก และบางลง
  • ไม่ใช่แค่การออกแบบทรงคิ้ว แต่ทรีตเมนท์เราประกอบด้วย 5 ขั้นตอนเฉพาะของ TINGLE ซึ่งรวมทั้งการออกแบบ จัดแต่งให้คิ้วออกมาดีที่สุด โดยช่างผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์สูง และผ่านการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี
  • มีห้องบริการที่เป็นส่วนตัว

จุดเด่นของการลงสีคิ้วที่ TINGLE

  • ทำให้มีทรงคิ้วที่สวยสมบูรณ์แบบ เหมาะกับใบหน้าของแต่ละท่าน
  • การออกแบบทรงคิ้วทำให้ขนขึ้นช้า แตกต่างจากการกันด้วยใบมีดที่แค่ไม่กี่วันขนก็ขึ้น
  • สำหรับผู้ที่แต่งหน้าและเขียนคิ้วเป็นประจำ การออกแบบทรงคิ้วทำให้เขียนคิ้วง่ายขึ้นมาก ลดเวลาการแต่งหน้าลงไปมาก

ข้อเสียของการออกแบบทรงคิ้ว

  1. อาจมีการระคายเคืองหลังการออกแบบทรงคิ้ว ซึ่งสามารถหายเองได้
  2. ขนที่สั้นมากอาจไม่ติดเนื้อแว๊กซ์และแว๊กซ์ไม่หลุดได้ ต้องใช้วิธีถอนออกแทน ซึ่งอาจทำให้รู้สึกเจ็บมาก
  3. การออกแบบทรงคิ้วเป็นวิธีที่ยุ่งยาก และราคาสูงกว่าวิธีกำจัดขนคิ้ววิธีอื่น

ข้อควรปฎิบัติก่อนเข้ารับบริการออกแบบทรงคิ้ว

  1. งดการกัน ถอน ขนคิ้วก่อนเข้ารับบริการออกแบบทรงคิ้วอย่างน้อย 2-3 สัปดาห์
  2. งดการทายาสิวบริเวณรอบๆ คิ้วและงดการทายารักษาสิวประมาณ 1-2 สัปดาห์
  3. หลีกเลี่ยงการออกแดดจัดก่อนเข้ารับบริการประมาณ 1 สัปดาห์
  4. ไม่สครับผิวรอบๆ บริเวณคิ้ว หรือเลเซอร์ผิวเป็นเวลา 1-2 สัปดาห์
  5. หากอยู่ในระหว่างการดูแลรักษาแผลจากการทำศัลยกรรม ควรเว้นระยะห่างก่อนเข้ารับบริการออกแบบทรงคิ้วจนกว่าแผลบริเวณรอบๆ ดวงตาจะหาย
  6. หากฉีดฟิลเลอร์ โบท๊อก ร้อยไหม ยกกระชับใบหน้า หรือบริเวณใกล้เคียงรอบๆ คิ้ว ควรเว้นระยะห่าง 1 สัปดาห์ ก่อนเข้ารับบริการออกแบบทรงคิ้ว
  7. อยู่ในช่วงดูแลรักษาผิวเป็นผื่นแพ้ ผิวลอก แดง และบวม
  8. หากอยู่ในช่วงมีประจำเดือนการแว็กซ์อาจทำให้รู้สึกเจ็บ

คำถามที่พบบ่อย

ตอบ: การออกแบบทรงคิ้วแบบ TINGLE คือการดีไซน์ทรงคิ้วโดยช่างผู้เชี่ยวชาญ โดยประเมินจากรูปทรงของใบหน้าทั้งหมดและออกแบบทรงคิ้วที่เหมาะสมและรับกับใบหน้ามากที่สุด หลังจากนั้น ช่างจะใช้แว๊กซ์กำจัดขนที่ไม่ได้ทรงออก เมื่อแว๊กซ์เสร็จแล้วจะมาส์กผิวด้วยมาส์กทองคำเพื่อลดการระคายเคืองและเพิ่มความชุ่มชื้น ก่อนที่จะตกแต่งทรงคิ้วเป็นขั้นตอนสุดท้าย

ตอบ: เพราะหลังการเลเซอร์ที่ผิว ผิวจะค่อนข้างบอบบางและระคายเคืองได้ง่าย การแว็กซ์หลังเลเซอร์ทันทีจะเพิ่มการระคายเคืองให้ผิวขึ้นอีก ดังนั้นควรเว้นระยะอย่างน้อย 1-2 สัปดาห์เพื่อรอให้ผิวฟื้นฟูกลับมาสู่สภาพปกติก่อนการแว๊กซ์

ตอบ: การแว๊กซ์คือการดึงขนออกมาทั้งราก นอกจากทำให้ขนใหม่ขึ้นช้าแล้ว ขนที่ขึ้นใหม่จะบางขึ้นเรื่อยๆ การกันคือการกำจัดขนบริเวณเหนือผิวหนัง ขนจะเกิดขึ้นใหม่เร็วขึ้นและเส้นหนาขึ้น และยังทำให้ผิวหนังเกิดความระคายเคืองจากการเสียดสีกับใบมีดได้อีกด้วย การถอนขนนั้น แม้จะเป็นการกำจัดขนทั้งรากเช่นเดียวกับการแว๊กซ์ แต่จะทำให้รูขุมขนเปิดกว้างมากกว่า ซึ่งอาจทำให้เกิดการสะสมของ keratin ที่รูขุมขนและทำให้เกิดขนคุดขึ้นได้ในที่สุด

ตอบ: การแว๊กซ์คิ้วนั้นคือการปาดแว๊กซ์อุ่นลงบนขนที่ไม่ได้ทรงคิ้ว ซึ่งแว๊กซ์อุ่นจะทำให้รูขุมขนขยายตัวและขนถูกดึงออกโดยง่าย ในการแว๊กซ์ครั้งแรกอาจจะรู้สึกเจ็บบ้างเล็กน้อยเนื่องจากขนไม่เคยถูกดึงมาก่อน แต่หลังจากนั้นผิวจะปรับตัวและจะไม่รู้สึกเจ็บเท่าไรนัก


นวดหน้า

โปรแกรมฟื้นฟูและบำรุงผิวหน้าอย่างล้ำลึก


การบำรุงผิวอย่างล้ำลึกด้วยเครื่อง Wishpro นวัตกรรมใหม่ล่าสุดในการบำรุงผิวจากประเทศอิสราเอล ด้วยเทคโนโลยีแมคเนติคอินฟิวชั่น เพิ่มประสิทธิภาพการผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วให้หลุดออกอย่างหมดจด และผลักวิตามินเข้าผิวด้วยแสงสีแดง ฟ้า หรือเหลืองผ่านแคปซูลวิตามินสูตรต่างๆ ได้อย่างล้ำลึก

กระบวนการทำงาน

1. หัว ​Magnetic pulse เป็นหัวคลื่นแม่เหล็ก

ใช้คู่กับแคปซูลสครับผิวซึ่งมีส่วนผสมของ sweet almond oil วิตามิน A และ E ช่วยขัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วให้หลุดออกอย่างอ่อนโยน พร้อมกระตุ้นระบบไหลเวียนของเลือด และต่อมน้ำเหลือง

2. หัวสีเหลือง Microcurrent

ปล่อยกระแสไฟฟ้าระดับเบา ช่วยลดริ้วรอยชั้นตื้น ผิวหย่อนคล้อย เพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อใต้ชั้นผิว ช่วยให้ผิวหน้ากระชับ ริ้วรอยลดเลือนลง

3. หัว Rejuvenation แสงสีแดง

ช่วยเสริมสร้างการทำงานของเซลล์ fibroblast เพื่อให้กระบวนสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินดียิ่งขึ้น ลดฝ้า กระ ลดขนาดรูขุมขน

4. หัว Blue ray แสงสีฟ้า

ช่วยลดการอักเสบที่ผิวหนัง และกำจัดแบคทีเรีย P-acne ที่เป็นต้นเหตุการเกิดสิว ทำให้ลดการเกิดสิวบนผิวหน้าได้ในระยะยาว

ประเภทของหัวแคปซูล

1. Peel exfoliator

แคปซูลสครับผิวที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติ อุดมไปด้วยวิตามิน A และ E จาก sweet almond oil อ่อนโยน ไม่ระคายเคือง ใช้ได้กับทุกสภาพผิว

2. Neo energy

แคปซูลนี้เป็นการเทียบเท่าการฉีดฟิลเลอร์ คอลลาเจนและอีลาสตินที่ได้จากธรรมชาติสำหรับเซลล์ผิว ซึ่งทำให้ริ้วรอยลดลง และผิวกระชับขึ้นภายใน 15 วัน ส่วนผสม MG6P ร่วมกับ essential amino acids และ Copper

3. Whitening

ส่วนผสมสำคัญ 2 ส่วน ที่ทำให้ผิวกระจ่างใสขึ้น และปรับสีผิว B-White solution และ Sea Shine ซึ่งเป็นส่วนผสมจากธรรมชาติสกัดจากสาหร่ายทะเลสีน้ำตาล 2 ชนิด ช่วยทำให้การสร้างเม็ดสีเมลานินลดลง และทำให้จุดด่างดำจางเร็วขึ้น ขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วจึงทำให้ผิวเรียบเนียน

4. BTX

เรียกว่า BOTOX ปราศจากผลข้างเคียง BTX Capsule ส่วนประกอบคือ Argire-line peptide solution C Hexapeptide-8 เป็นเปปไทด์ที่มีความพิเศษ คิดค้นออกมาเพื่อการรักษาเฉพาะส่วน ซึ่งเป็นการเลียนแบบให้ได้ผลลัพธ์เดียวกับ BOTOX ทำงานโดยการปรับการหดตัวกล้ามเนื้อ เพื่อยับยั้งการเกิดริ้วรอยและให้ผิวกระชับขึ้น

คำถามที่พบบ่อย

ตอบ: โปรแกรมฟื้นฟูและบำรุงผิวหน้าอย่างล้ำลึกของ TINGLE เป็นการใช้เทคโนโลยีคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าบวกกับคุณสมบัติของหัวสีต่างๆ เพื่อแก้ปัญหาผิวหน้าอย่างตรงจุด สำหรับการรับบริการ 1 ครั้งลูกค้าจะสัมผัสได้ทันทีว่าผิวชุ่มชื้นขึ้น และจะเห็นผลลัพธ์ชัดเจนที่สุดเมื่อทำติดต่อกันอย่างน้อย 10 ครั้ง

ตอบ:
1.หัวสีเขียว Magnetic pulse เป็นหัวคลื่นแม่เหล็ก ใช้คู่กับแคปซูลสครับผิวซึ่งมีส่วนผสมของ sweet almond oil วิตามิน A และ E ช่วยขัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วให้หลุดออกอย่างอ่อนโยน พร้อมกระตุ้นระบบไหลเวียนของเลือดและต่อมน้ำเหลือง
2. หัวสีเหลือง Microcurrent ปล่อยกระแสไฟฟ้าระดับเบา ช่วยลดริ้วรอยชั้นตื้น แก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อย เพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อใต้ชั้นผิว ทำให้ผิวช่วยให้ผิวหน้ากระชับขึ้น และริ้วรอยลดเลือนลง
3. หัว Rejuvenation แสงสีแดง ช่วยเสริมสร้างการทำงานของเซลล์ fibroblast เพื่อให้กระบวนสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินดียิ่งขึ้น เพิ่มการไหลเวียนโลหิต ลดริ้วรอยบางๆ ลดฝ้า กระและขนาดรูขุมขน
4. หัว Blue ray แสงสีฟ้า ช่วยลดความอักเสบที่ผิวหนัง และกำจัดแบคทีเรีย P-Acne ที่เป็นต้นเหตุการเกิดสิว


การลงสีคิ้ว

การลงสีคิ้ว (Eyebrow Micropigmentation) คือการลงสีคิ้วกึ่งถาวรโดยการใช้เข็มฝังสีลงไปบริเวณคิ้ว เพื่อเติมเต็มรูปทรงคิ้วตามต้องการ


TINGLE เป็นเจ้าแรกในประเทศที่นำเข็มลงสีระบบป้องการการไหลย้อนกลับ (Creatip System) มาใช้ในกระบวนการลงสีคิ้ว ซึ่งเข็มประเภทนี้พัฒนามาจากเครื่องมือแพทย์ ควบคุมด้วยไมโครโปรเซสเซอร์ ทำให้มีความแม่นยำในการควบคุมปริมาณสีและสะอาด ปลอดภัย ผู้เชี่ยวชาญที่ TINGLE ได้รับการอบรมด้านการออกแบบลายเส้นและรูปทรงคิ้วที่เหมาะกับใบหน้า รวมไปถึงมาตรฐานความสะอาด ปลอดภัยในการลงสีคิ้ว เพื่อให้ผลงานออกมาสวยตรงใจลูกค้าและปลอดภัยสูงสุด

การลงสีคิ้วที่ TINGLE มี 3 แบบได้แก่

1. แบบลายเส้น (3D)

การลงสีคิ้วสามมิติแบบลายเส้น โดยแต่ละลายเส้นจะลงสีเลียนแบบเส้นขนคิ้วธรรมชาติของมนุษย์ เพื่อทำให้คิ้วสวยได้รูป และเป็นธรรมชาติมากที่สุด

เหมาะสำหรับ : ผู้ที่ไม่มีขนคิ้ว และต้องการเพิ่มลายเส้นคิ้วให้ดูเป็นธรรมชาติ

2. แบบฝุ่น ​(Dustbrow)

ใช้เทคนิค shading ในการลงสีคิ้ว เพื่อให้ได้คิ้วที่มีมิติจากโทนสีที่ไล่ระดับจากอ่อนไปเข้ม ช่วยประหยัดเวลาในการแต่งหน้า

เหมาะสำหรับ : ผู้ที่มีขนคิ้วเป็นทรงอยู่แล้ว และอยากเพิ่มความมีมิติของคิ้ว

3. แบบผสม

การลงสีคิ้วแบบลายเส้นผสมกับการ shading สีคิ้ว เพื่อเพิ่มความหนาและมิติของทรงคิ้ว

เหมาะสำหรับ : ผู้ที่มีขนคิ้วเป็นทรงอยู่แล้ว แต่ขนคิ้วอาจจะเส้นเล็ก และบางมากจนแทบมองไม่เห็น 

จุดเด่นของการลงสีคิ้วที่ TINGLE

1. อุปกรณ์ในการลงสีคิ้วทั้งหมดนำเข้าจากประเทศเยอรมนี

2. TINGLE เป็นเจ้าแรกในประเทศที่นำเข็มลงสีระบบป้องกันการไหลย้อนกลับ (Creatip System) มาใช้

3. ชุดปลอกเข็มที่ใช้มีซีลถึง 2 ชั้น ป้องกันการสัมผัสกับฝุ่นละอองและสิ่งปนเปื้อนในอากาศก่อนใช้งาน

4. ผู้เชี่ยวชาญด้านการลงสีคิ้วของ TINGLE ได้ผ่านการอบรมจาก AMIEA ประเทศเยอรมนี

5. ลายเส้นคิ้วเน้นความเป็นธรรมชาติ และรูปทรงที่รับกับใบหน้ามากที่สุด

ข้อพึงปฏิบัติก่อนเข้ารับบริการลงสีคิ้ว

  1. ไม่ดึง ถอน ย้อมสีคิ้วก่อนเข้ารับบริการ
  2. งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก่อน 24 – 48 ชั่วโมงก่อนเข้ารับบริการ
  3. งดเครื่องดื่มชา กาแฟ ก่อนเข้ารับบริการ
  4. งดน้ำมันตับปลา กระเทียม
  5. งดการทำ tanning 2 สัปดาห์ก่อนเข้ารับบริการ
  6. งดการขัดผิวหน้า 2 สัปดาห์ก่อนเข้ารับบริการ
  7. งดการทำโบท็อกซ์ ฟิลเลอร์ 3-4 สัปดาห์ก่อนเข้ารับบริการ
  8. งดการใช้ผลิตภัณฑ์ทาผิวหน้าที่มีส่วนผสมของ วิตามิน A หรือ เรตินอล อย่างน้อย 4 สัปดาห์ก่อนเข้ารับบริการ

ข้อควรปฏิบัติหลังการลงสีคิ้ว

  1. ไม่ควรให้บริเวณที่ลงสีคิ้วถูกน้ำ และโดนแดดจัด 5-7 วัน
  2. ทายา bepanthen ทุกวัน เป็นเวลา 7 วันเพื่อให้ผิวสมานเร็วขึ้น
  3. งดแกะ เกา บริเวณลงสีคิ้ว

ผู้ที่ไม่ควรเข้ารับบริการลงสีคิ้ว

  1. ไม่มีภาวะความดันโลหิตสูงหรือมีปัญหาเกี่ยวกับหัวใจ
  2. ไม่อยู่ระหว่างตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร
  3. อยู่ระหว่างการใช้ยาแอสไพริน ไอบูโพรเฟน หรือยาประเภทเดียวกัน
  4. อยู่ระหว่างการใช้ยาสเตียรอยด์ เช่น เรติน เอ
  5. มีภาวะแพ้แอลกอฮอล์
  6. มีสิวบริเวณที่จะลงสี

7. เป็นเบาหวาน
8.
มีภาวะต้อหิน
9. มีโรคผิวหนัง เช่น ผื่นคัน เริม สะเก็ดเงิน ผิวหนังอักเสบ
10. มีภาวะเลือดหยุดไหลช้า
11. มีภาวะที่เกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกัน เช่น โรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง โรคไวรัสตับอักเสบ

*หากลูกค้ากำลังรับการรักษาโดยใช้ยาประเภทใดก็ตาม จะต้องได้รับคำรับรองจากแพทย์ก่อนเข้ารับบริการ

คำถามที่พบบ่อย

ตอบ: เนื่องจาก TINGLE ได้คัดเลือกเครื่องมือและอุปกรณ์จากแหล่งที่มาที่มีคุณภาพดีจากทั่วโลกมาใช้ในการให้บริการ ไม่ว่าจะเป็นเข็มลงสีที่นำเข้ามาจากประเทศเยอรมันีซึ่งพัฒนามาจากเครื่องมือแพทย์ มีระบบป้องกันการไหลย้อนกลับของเลือดและน้ำเหลือง ทำให้กระบวนการลงสีปลอดภัยจากการติดเชื้อ 100%

ตอบ: ในขั้นตอนการลงสีคิ้วจะมีการแปะยาชาก่อน 45 นาทีเพื่อช่วยให้ลูกค้าไม่รู้สึกเจ็บมาก และระหว่างลงเข็ม จะมีการใช้ยาชาน้ำเป็นระยะอีกด้วย

ตอบ: การลงสีคิ้ว 3 มิติ (3D) คือการลงสีคิ้วแบบลายเส้นโดยแต่ละลายเส้นจะลงสีเลียนแบบเส้นขนคิ้วธรรมชาติของมนุษย์ เพื่อทำให้คิ้วสวย ได้รูปและเป็นธรรมชาติมากที่สุด เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่มีขนคิ้ว และต้องการเพิ่มลายเส้นคิ้วให้ดูเป็นธรรมชาติ

การลงสีแบบฝุ่น (Dustbrow) เป็นลงสีโดยใช้เทคนิค shading เพื่อให้ได้คิ้วที่มีมิติจากโทนสีที่ไล่ระดับจากอ่อนไปเข้ม ช่วยประหยัดเวลาในการแต่งหน้า เหมาะสำหรับผู้ที่มีขนคิ้วเป็นทรงอยู่แล้ว และอยากเพิ่มความมีมิติของคิ้ว

การลงสีแบบผสม (3D+Dustbrow) เป็นการลงสีคิ้วแบบลายเส้นผสมกับการ shading สีคิ้ว เพื่อเพิ่มความหนาและมิติของทรงคิ้ว เหมาะสำหรับผู้ที่มีขนคิ้วเป็นทรงอยู่แล้ว แต่ขนคิ้วอาจจะเส้นเล็กและบางมากจนแทบมองไม่เห็น

ตอบ: การลงสีคิ้วคือการฝังสีลงไปในชั้นผิวชั้นหนังแท้ ซึ่งจะทำให้สีติดทนอยู่ประมาณ 1-2 ปี ขึ้นอยู่กับสภาพผิวตามธรรมชาติของแต่ละบุคคล และการทำกิจกรรมในแต่ละวัน เช่น การถูกแสงแดดบ่อยครั้งหรือการขัดผิวเป็นประจำจะทำให้สีจางเร็วขึ้น

ตอบ: ช่างลงสีคิ้วของ TINGLE ได้รับการเทรนตามมาตรฐานของทางร้านและทาง amiea ประเทศเยอรมนี

ตอบ: ขึ้นอยู่กับความเข้มของสีและแนวของรอยเก่า ถ้าจางมากจะสามารถทำการลงสีใหม่ได้ แต่หากสีเข้มมากควรลบรอยเดิมก่อนเริ่มกระบวนการลงสีใหม่

ตอบ: อุปกรณ์ที่ทาง TINGLE ใช้ไม่ก่อให้เกิดแผลลึก ดังนั้นหลังการเข้ารับบริการ ผิวจะมีการบวมแดงเล็กน้อยเท่านั้น แต่จะหายไปในเวลาไม่กี่ชั่วโมง สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ แต่ไม่ควรเล่นกีฬากลางแจ้งช่วง 3 วันแรกหลังทำเนื่องจากผิวอาจจะยังปิดไม่สนิท อาจก่อให้เกิดการระคายเคืองและแสบหากถูกแสงแดดเป็นเวลานานได้


ลิฟติ้งขนตา ขนคิ้ว

การลิฟท์ขนตาและลิฟท์คิ้ว คือการดัดยกโคนขนตาหรือดัดขนคิ้วกึ่งถาวร ทำให้ขนตางอนขึ้นหรือขนคิ้วตั้งขึ้นเสมือนใช้มาสคาร่าใสปัดตลอดวัน หลังจากทำการดัดขนตาหรือขนคิ้วแล้ว ขนตา ขนคิ้วจะคงสภาพตามที่ดัดได้นานมากน้อยตามสภาพขนตามธรรมชาติและอัตราการยาวของเส้นขนตาของแต่ละคน และวิธีการดูแลรักษา

จุดเด่นของการลิฟท์ขนตา และ ลิฟท์คิ้วที่ TINGLE

TINGLE ให้ความสำคัญกับกระบวนการลิฟติ้งด้วยการคัดสรรน้ำยาดัด และอุปกรณ์ในการดัดจากแหล่งที่มาที่ได้รับการยอมรับ โดยชุดน้ำยาดัดนำเข้าจากประเทศออสเตรเลีย ปลอดภัยกับดวงตา และทำให้ขนตางอนเงางามอย่างเป็นธรรมชาติ และใช้ทรีทเมนต์ปัดบำรุงเส้นขนตาหลังการดัด เพื่อให้ขนตาชุ่มชื้น เงางามยิ่งขึ้น

ข้อดีของการทำลิฟท์ขนตา และ ลิฟท์คิ้ว

  1. เป็นกระบวนการดูแลขนตา ขนคิ้วที่ก่อให้เกิดอาการระคายเคืองน้อย หรือแทบไม่มีเลย
  2. ทำให้ดวงตาดูโตขึ้น ขนตางอนสวยโดยไม่ต้องปัด
  3. ทำให้คิ้วดูเต็มขึ้น ปกปิดส่วนที่ไม่เต็มได้
  4. ไม่จำเป็นต้องใช้มาสคาร่าในการปัดขนตา ขนคิ้วอีก
  5. ประหยัดเวลาในการแต่งหน้า
  6. เหมาะกับขนตา ขนคิ้วเกือบทุกแบบ ไม่ว่าขนตา ขนคิ้วจะสั้นหรือยาว อ่อนหรือเข้ม

การเตรียมตัวก่อนเข้ารับบริการลิฟท์ขนตา และ ลิฟท์คิ้ว

  1. หากทำการลิฟท์ขนตา และ ลิฟท์คิ้ว ลูกค้าต้องไม่ต่อขนตา หรือมีขนตาที่เหลือจากการต่อเดิม ถ้ามีต้องทำการถอดขนตาออกก่อน
  2. ต้องไม่เป็นโรคที่เกี่ยวกับตา เช่น ตาแดง อักเสบ ติดเชื้อบริเวณรอบดวงตา หากทำเลสิกหรือผ่าตัดบริเวณดวงตาต้องเว้นระยะเวลาไม่ต่ำกว่า 2 เดือนหรือตามคำแนะนำของแพทย์
  3. ไม่ควรใส่คอนแทคเลนส์มาในวันที่รับบริการลิฟท์ขนตา และ ลิฟท์คิ้ว เพราะอาจจะทำให้ตาแห้งได้
  4. งดปัดมาสคาร่า แต่งตา ในวันที่เข้ารับบริการลิฟท์ขนตา และ ลิฟท์คิ้ว
  5. ถ้าเคยลิฟติ้งมาก่อน ต้องเว้นระยะจากครั้งที่แล้วมากกว่า 1 เดือน ขึ้นไป

ข้อควรปฏิบัติหลังจากทำลิฟท์ขนตา และ ลิฟท์คิ้ว

  1. ห้ามขนตา/ขนคิ้ว ถูกน้ำ น้ำร้อน ซาวน่า เหงื่อ หรือสระผม หลังการทำเป็นเวลา 24 ชม. เพราะอาจจะทำให้ขนตา/ขนคิ้วคลายตัวได้
  2. หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดเครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของน้ำมัน เนื่องจากอาจทำให้น้ำยาดัดเสื่อมสภาพเร็วกว่าปกติ 
  3. หลีกเลี่ยงการใช้มาสคาร่าแบบกันน้ำ แต่สามารถใช้มาสคาร่าแบบปกติได้
  4. หลีกเลี่ยงการเกาขนตา หรือขนคิ้ว

คำถามที่พบบ่อย

ตอบ: การลิฟท์ขนตา หรือ ลิฟท์คิ้วคือการดัดขนตาและขนคิ้วให้ไปในทิศทางตามต้องการ โดยใช้น้ำยาดัดกึ่งถาวรที่ไม่เป็นอันตรายต่อผิวหน้าและรอบดวงตา โดยลิฟท์ขนตา หรือ ลิฟท์คิ้วขนตานั้นจะทำให้ขนตางอนงามโดยไม่ต้องดัดนานประมาณ 1 เดือนถึงเดือนครึ่ง ส่วนลิฟท์ขนตา หรือ ลิฟท์คิ้วจะทำให้ขนคิ้วตั้งฟูโดยไม่ต้องใช้มาสคาร่าจัดทรง

ตอบ: ผู้ที่เหมาะกับการลิฟท์ขนตา หรือ ลิฟท์คิ้วคือคนที่พอมีขนคิ้วและขนตาอยู่บ้าง แต่เส้นขนอาจจะไม่เรียงตัวมากนัก ต้องการประหยัดเวลาในการแต่งหน้ารวมไปถึงการทำความสะอาดด้วย

ตอบ: ไม่ควรโดนน้ำอย่างน้อย 24 ชั่วโมงเพื่อให้น้ำยาเซ็ตตัวคงที่ ไม่ควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของน้ำมันอย่างน้อย 2 วัน ไม่ควรขยี้ขนตาหรือขนคิ้ว และควรหมั่นใช้แปรงเซตเป็นประจำ

ตอบ: สามารถทำได้ทุกๆ 1 เดือน แต่ลูกค้าจำเป็นต้องใช้ทรีทเมนต์หรือเซรัมบำรุงขนตาเป็นระยะเพื่อบำรุงขนตาหรือขนคิ้วให้แข็งแรงอยู่เสมอ


แว๊กซ์ตัว

การแว๊กซ์ขนตามจุดต่างๆ ของร่างกาย คือการใช้ขี้ผึ้งปาดลงบนขนบริเวณที่ต้องการจะกำจัดออก


โดยปกติการแว๊กซ์ขนมี 2 แบบ คือการแว๊กซ์ร้อน และการแว๊กซ์เย็น โดยการแว๊กซ์ร้อนนั้นจะอุ่นขี้ผึ้งให้ร้อนก่อนนำไปใช้ เพื่อทำให้รูขุมขนคลายตัว และทำให้ขนถูกดึงออกได้ถึงรากนั่นเอง ส่วนการแว๊กซ์เย็นนั้นใช้แว๊กซ์ที่มีอุณหภูมิห้องปกติในการดึงขน แต่ต้องใช้ทักษะการดึงเนื่องจากมีโอกาสที่ขนจะขาดระหว่างเส้นได้ง่าย

จุดเด่นของการแว๊กซ์ร้อนที่ TINGLE

TINGLE ให้บริการแว๊กซ์ขนบนตำแหน่งต่างๆ บนร่างกายได้แก่ หน้าผาก เหนือริมฝีปาก กรอบหน้า แขน ขา และแนวบิกินี โดยวิธีการใช้แว๊กซ์ร้อนซึ่งนำเข้าจากประเทศออสเตรเลีย มีส่วนผสมของเรซินธรรมชาติ และน้ำมันมะกอก ไม่ทดลองในสัตว์ ไม่ระคายเคือง อ่อนโยนแม้ผิวแพ้ง่าย และให้บริการโดยช่างผู้ชำนาญการที่เชี่ยวชาญในการแว๊กซ์ ในห้องบริการแบบส่วนตัว

  1. เนื้อแว๊กซ์ทำมาจากขี้ผึ้งคุณภาพดี นำเข้าจากประเทศออสเตรเลีย มีส่วนผสมจากธรรมชาติหลากหลายชนิด เช่น คาโมมายด์และไมโครไมกา น้ำมันมะกอก ปราศจากการเติมกลิ่นและสีสังเคราะห์ ไม่ทดลองในสัตว์ ไม่ระคายเคือง อ่อนโยนแม้ผิวแพ้ง่าย
  2. เนื้อแว๊กซ์จะถูกรักษาอุณหภูมิที่ 55-60 C เพื่อให้สามารถจับเส้นขนได้ดีเยี่ยมแม้สั้นเพียง 1 มิลลิเมตร
  3. กำจัดขนได้ทันที โดยไม่ทำร้ายผิว
  4. ผิวนุ่มขึ้นหลังการแว๊กซ์ทันที เนื่องจากได้รับการบำรุงจากเนื้อแว๊กซ์

ข้อดีของการแว๊กซ์

  1. ไม่ทำร้ายผิวเหมือนการโกน หรือดึง
  2. ขนที่ขึ้นใหม่จะบางขึ้น นุ่มขึ้น และขนจะหยุดขึ้นใหม่เมื่อแว๊กซ์ติดต่อกันประมาณ 8 เดือน
  3. สามารถกำจัดขนในบริเวณที่เข้าถึงยากได้

ข้อพึงปฏิบัติก่อนการแว๊กซ์

  1. ขนควรยาวประมาณ ¼ – ½ นิ้วก่อนทำการแว๊กซ์ เพื่อให้เนื้อแว๊กซ์จับเส้นขนได้ดี
  2. ไม่ควรทำการแว๊กซ์บนผิวที่มีรอยผื่นแดง หรืออักเสบ
  3. ไม่ควรผสมวิธีกำจัดขนหลายรูปแบบ
  4. ควรเข้ารับการแว๊กซ์อย่างสม่ำเสมอ ทุก  3-6 สัปดาห์ เพื่อกำจัดขนในช่วงระยะกำลังยาวในช่วงเวลาเดียวกันและทำให้ขนหยุดงอกถาวรในอนาคตได้เร็วยิ่งขึ้น


การฝังสีปาก

การฝังสีปากคือการใช้เข็มฝังสีลงไปบริเวณริมฝีปากกึ่งถาวร โดยไม่ต้องผ่าตัดหรือฉีดยา


การฝังสีปาก คือการใช้เข็มฝังสีลงไปบริเวณริมฝีปากกึ่งถาวร โดยไม่ต้องผ่าตัดหรือฉีดยา เพื่อทำให้ปากมีสีตามต้องการ และยังช่วยแก้ปัญหาสีปากเช่น สีปากซีด คล้ำ สีไม่สม่ำเสมอ ทำให้ริมฝีปากดูสดใส อวบอิ่ม และอ่อนวัย โทนสีที่นิยมใช้ได้แก่ สีแดง ชมพู ส้ม จำนวนครั้งในการฝังสีซ้ำเพื่อจะให้ได้สีปากตามต้องการขึ้นอยู่กับโทนสีปากเดิมของแต่ละคน โดยสีจะค่อยๆ ผลัดขึ้นมาภายในระยะเวลา 2-3 เดือน บางคนอาจจะต้องมีการเติมสี เพื่อให้ได้สีที่ชัดขึ้น สีที่ฝังจะคงทนอยู่ได้ 2-5 ปี

ข้อดีของการฝังสีปาก

1. ใช้อุปกรณ์ลงสีที่ได้มาตรฐานความปลอดภัยเช่นเดียวกับเครื่องมือทางการแพทย์
2. มีเฉดสีให้เลือกหลากหลาย และได้รับการรับรองจากประเทศเยอรมนีว่าปลอดภัยกับผิว
3. สามารถปรับสีปากซีด และสีปากคล้ำตามต้องการได้
4. ช่วยผลัดเซลล์ผิวให้ริมฝีปากเนียนนุ่มขึ้น
5. สีปากเป็นธรรมชาติขึ้น โดยไม่ต้องทาลิปสติก
6. ช่วยลดความจำเป็นในการใช้ลิปสติก และลดความเสี่ยงที่จะเกิดการแพ้จากสารเคมีในลิปสติก
7. หลังกระบวนการลงสี ริมฝีปากเกิดอาการบวมน้อยมาก
8. โอกาสริมฝีปากเป็นแผลหรือติดเชื้อน้อยมาก เนื่องจากเครื่องมือลงสีมีความสะอาดสูง
9. หลังลงสีปาก ลูกค้าสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ โดยต้องพักฟื้น
10 .สามารถลงสีเพื่อปรับรูปปากให้ได้รูปทรงตามต้องการ หรือดูอวบอิ่มขึ้นได้

วิธีการเตรียมตัวก่อนเข้ารับบริการฝังสีปาก

  1. งดยาจำพวกแอสไพริน ไอบูโพรเฟน และยาปฏิชีวนะ ก่อนเข้ารับบริการอย่างน้อย 2 อาทิตย์
  2. งดการอาบแดด หรือทำแทนนิงก่อนเข้ารับบริการอย่างน้อย 2 อาทิตย์
  3. งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ คาเฟอีน อาหารรสจัด อย่างน้อย 24 ชั่วโมง
  4. ทาลิปบาล์มบำรุงริมฝีปากสม่ำเสมอเพื่อรักษาความชุ่มชื้นของริมฝีปาก
  5. ทำความสะอาดช่องปาก ด้วยการแปรงฟันและบ้วนน้ำยาบ้วนปากก่อนเข้ารับบริการ

ข้อควรปฏิบัติหลังการฝังสีปาก

  1. ห้ามให้ริมฝีปากโดนน้ำ 3-5 วันหรือจนกว่าสะเก็ดจะหลุดหมด
  2. งดแกะหรือเการิมฝีปากจนกว่าสะเก็ดจะหลุดหมด
  3. ทาเจลลีปิโตรเลียมบนริมฝีปากเพื่อลดอาการแห้งและป้องกันฝุ่นละออง 3-4 ครั้งต่อวัน
  4. งดออกกำลังกายหนัก และอาบแดด ประมาณ 2 สัปดาห์
  5. การสครับผิวปาก อาบแดด และสูบบุหรี่จะทำให้สีที่ฝังจางลงเร็วขึ้น

คำถามที่พบบ่อย

ตอบ: การฝังสีปากช่วยแก้ปัญหาสีปาก เช่น สีปากซีด คล้ำ สีไม่สม่ำเสมอ หรือแก้ปัญหาปากไม่ได้รูป โดยไม่ต้องผ่าตัดหรือฉีดยา เพื่อทำให้ปากมีสีและรูปทรงตามต้องการ และยังทำให้ริมฝีปากดูสดใส อวบอิ่ม และอ่อนวัยอีกด้วย

ตอบ: ผู้ที่อยู่ระหว่างตั้งครรภ์ ให้นมบุตร หรืออยู่ระหว่างการทำเคมีบำบัด ผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ ผู้มีโรคประจำตัวเช่น เบาหวาน

ตอบ: ก่อนเริ่มการฝังสีปากจะมีการทายาชาบริเวณฝีปากก่อน ดังนั้นระหว่างลงสีจะมีความรู้สึกเจ็บบ้างเล็กน้อย

ตอบ: ประมาณ 2-3 ครั้ง เนื่องจากการฝังสีปากจะทำให้สีปากดูสดใสขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ ดังนั้นหลังจากฝังสีแต่ละครั้งจึงต้องรอให้สีที่ใช้แสดงสีออกมา ซึ่งสีที่ฝังลงไปในริมฝีปากจะค่อยๆ แสดงสีชัดขึ้นหลังจาก 8 สัปดาห์หลังลงสี โดยการลงสีตามขั้นตอนปกติจะให้ผลดังนี้ ลงสีครั้งแรกคือการแก้สีปากที่ไม่เท่ากัน ครั้งที่สองคือการลงสีให้ดูเป็นธรรมชาติ และครั้งที่สามคือการลงสีตามต้องการ

ตอบ: หลังกระบวนการฝังสีปาก ริมฝีปากจะเกิดอาการบวมมากน้อยขึ้นอยู่กับบุคคล ซึ่งอาการบวมจะหายไปเองภายใน 1-2 วัน ในระหว่างนี้ควรทานอาหารที่ทานง่าย งดของหมัก ดอง อาหารเผ็ด ร้อน อาหารจำพวกซุปหรือมีน้ำเยอะ เช่น ก๋วยเตี๋ยว ชาบู เพื่อป้องกันไม่ให้สะเก็ดที่ริมฝีปากเปียกชื้น หลังรับประทานอาหารควรทำความสะอาดริมฝีปากด้วยสำลีชุบน้ำเกลือเพื่อรักษาความสะอาด

ตอบ: หลังกระบวนการฝังสีปากสามารถทาวาสลีนบางๆ ทุกวันเป็นเวลา 3 วันเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับริมฝีปาก ในช่วง 3-7 วันหลังการฝังสีไม่ควรแกะหรือเกาสะเก็ดบริเวณริมฝีปาก ไม่ควรล้างหน้าด้วยน้ำอุ่น งดซาวน่าและกิจกรรมทางน้ำหรือที่ทำให้เหงื่อออกมาก งดการถูกแดดจัด งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

ตอบ: หลังกระบวนการฝังสีปากหากรู้สึกปวดบริเวณริมฝีปากสามารถทานยาลดปวดได้


ต่อขนตา

การต่อขนตา (Eyelash extension) คือการนำเส้นขนตาปลอมที่ทำมาจากเส้นไหมสังเคราะห์หรือขนธรรมชาติต่อลงไปบนเส้นขนตาจริง เพื่อทำให้ขนตาดูยาว หนา งอน และเงางามขึ้น ช่วยเพิ่มสเสน่ห์ให้ดวงตาดูสดใส เปล่งประกายมากขึ้น


เพิ่มเสน่ห์ให้ดวงตาโดยไม่ต้องพึ่งการศัลยกรรม การต่อขนตาจึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ง่าย สะดวก และประหยัดเวลากว่าการตกแต่งขนตาในรูปแบบอื่น

การต่อขนตาที่ TINGLE เป็นการต่อขนตาที่เน้นความเป็นธรรมชาติ ปลอดภัย ไม่เป็นอันตรายต่อดวงตา ใช้เทคนิคการต่อขนตาแบบพิเศษที่ถนอมขนตาจริงของลูกค้า ไม่รู้สึกเจ็บในขณะที่ต่อขนตา ไม่รู้สึกระคายเคืองหลังจากที่ต่อขนตา ผลลัพธ์ที่เห็นได้ชัดเจนทันทีหลังต่อขนตาคือดวงตามีความกลมโตมากขึ้น มีเสน่ห์ ดูสวยหวาน น่ามองมากขึ้น นอกจากนี้ด้วยเทคนิคการต่อขนตาอันประณีตของ TINGLE ทำให้ขนตาที่ต่อไปแล้วติดทนนานถึง 4-6 สัปดาห์ (ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพขนตาและการดูแลของแต่ละบุคคล)

วิธีการต่อขนตาของ TINGLE มี 2 แบบ คือ

1. TINGLE LASH

คือ การต่อขนตาแบบเส้นต่อเส้น ขนตาจริง 1 เส้นต่อขนตาปลอม 1-2 เส้น ทำให้ขนตาเรียงตัวเลียนแบบขนตาธรรมชาติมากที่สุด

2. TINGLE VOLUME LASH

คือ การต่อขนตาแบบช่อ ขนตาจริง 1 เส้นต่อขนตาปลอม 3-5 เส้น ให้ความรู้สึกขนตาหนาฟู นุ่ม เบา ขอบตาชัด

รายละเอียดของขนตา

  • นำเข้าจากประเทศ ญี่ปุ่น ใต้หวัน และอเมริกา
  • คุณสมบัติ มีสารแอนตี้แบคทีเรีย
  • ทำมาจากวัสดุไฟเบอร์คล้ายเส้นไหม (ยกเว้นขนตารุ่น Real mink ที่ทำมาจากขนมิงค์แท้)
  • มีความยาว ความหนา และความงอนให้เลือกหลากหลายตามรูปทรงของดวงตาและลักษณะขนตาจริง

ประเภทของขนตาแบ่งออกเป็นดังนี้

1. ขนตารุ่น Classic

ขนตารุ่น Classic นำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น เป็นขนตาที่มีสีดำด้าน เน้นความเป็นธรรมชาติ เสมือนขนตาจริงถึง 99% เส้นขนตานุ่ม เบาสบาย ใช้เทคนิคการต่อแบบเส้นต่อเส้น ทำให้ขนตาหนาและยาวขึ้นเสมือนปัดมาสคาร่า ช่วยให้ดวงตาดูโตขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ เหมาะสำหรับผู้เริ่มต่อขนตาเป็นครั้งแรก

2. ขนตารุ่น Black Swan

ขนตารุ่น Black Swan นำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น เป็นขนตาที่มีสีดำเงา เส้นขนตานุ่ม เบาสบาย ฐานขนตากว้างกว่าปกติ ทำให้ขอบตาดูคมชัดขึ้น จะช่วยทำให้ขอบตาดูเสมือนเขียนอายไลน์เนอร์ ทำให้ขอบดวงตาดูคมชัด กลมโตขึ้น ใช้เทคนิคการต่อแบบเส้นต่อเส้น

3. ขนตารุ่น Dream Lash

ขนตารุ่น Dream lash นำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น เป็นขนตาที่มีฐานเป็นรูปเลข 8 ปลายแยกเป็น 2 แฉก ทำให้ขนตาดูฟู แม้ต่อในจำนวนที่น้อย เส้นขนตามีน้ำหนักเบา นุ่ม ใช้เทคนิคการต่อแบบเส้นต่อเส้น

4. ขนตารุ่น Real Mink

ขนตารุ่น Real Mink เป็นขนมิ้งแท้ที่นำเข้ามาจากประเทศอเมริกา ขนตามีความงอน พริ้วไหว เบาสบาย ด้วยความเป็นเส้นขนธรรมชาติต้องการการดูแลเป็นพิเศษ เลี่ยงการโดนความร้อนจากไดร์เป่าผม เพราะจะทำให้ความงอนลดลง ใช้เทคนิคการต่อแบบเส้นต่อเส้น

5. ขนตารุ่น Camelia

ขนตา Camelia คือขนตาขนาดเล็กเพียง 0.07 mm และนำมาจับช่อ 3-5 เส้น ต่อกับขนตาจริง 1 เส้น จะทำให้ขนตาดูฟู ฟุ้ง เป็นแพ ด้วยขนาดเส้นขนตาที่เล็กมาก จึงมีน้ำหนักเบา นุ่ม สบายตาเป็นพิเศษ

ทำไมต้องต่อขนตาที่ TINGLE

เส้นขนตาและอุปกรณ์ทั้งหมด เรานำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น กาวต่อขนตาและครีมถอดขนตาได้รับการรับรองว่าปลอดภัยจาก อย.

มีห้องบริการส่วนตัว เพื่อให้ลูกค้ารู้สึกผ่อนคลาย และมีความเป็นส่วนตัวสูงสุด

เส้นขนตามีหลายขนาดให้เลือก เพื่อให้เหมาะกับความชื่นชอบของแต่ละท่าน และเหมาะกับเส้นขนตาจริงมากที่สุด

เส้นขนตาเงางามเป็นธรรมชาติ น้ำหนักเบา สะอาด ปลอดภัย

ผลลัพธ์ที่ได้มีความเป็นธรรมชาติ ไม่ก่อให้เกิดอาการระคายเคือง

ข้อดีของการต่อขนตา

  1. เปลี่ยนลุคของคุณได้ในทันที (ตาโตขึ้น ตาหวานขึ้น เซ็กซี่ขึ้น) เหมาะกับคนที่ไม่ชอบแต่งหน้า แต่อยากมีลุคตากลมโตสวยหวาน
  2. ขนตาสวยตลอด 24 ชม.ได้โดยไม่ต้องปัดมาสคาร่า
  3. ลดการเช็ดทำความสะอาดบริเวณตา 
  4. ลดเวลาในการแต่งหน้า ถ้าเป็นขนตาปลอม ต้องติดขนตาใหม่ทุกวัน
  5. มีขนตาที่สวยนุ่มเบาสบายตา
  6. ให้ความรู้สึกใกล้เคียงธรรมชาติ
  7. ขนตาที่ต่อไม่สัมผัสกับขอบตา ทำให้ไม่รู้สึกระคายเคืองที่ผิวเหมือนการติดขนตาปลอม
  8. ไม่เป็นอันตรายไม่ก่อให้เกิดการระคายเคือง
  9. เหมาะสำหรับผู้ที่แพ้กาวติดขนตาปลอมชนิดแผง

ความแตกต่างระหว่าง
ต่อขนตา ติดขนตาปลอม ลิฟติ้งขนตา

การต่อขนตาจะให้ความเป็นธรรมชาติมากกว่าติดขนตาปลอม ส่วนการลิฟติ้งขนตาจะเหมาะสำหรับคนที่มีขนตาหนาและยาวอยู่แล้ว การลิฟติ้งจะเป็นการยกโคนทำให้ขนตางอนเด้งขึ้น แต่การต่อขนตานอกจากจะช่วยให้ขนตายาวและงอนขึ้นแล้ว ยังช่วยเพิ่มวอลลุ่มทำให้ขนตาดูหนาขึ้นได้ด้วย ซึ่งในคนที่มีขนตาบางและสั้นเหมาะที่จะต่อขนตามากกว่า

ข้อควรปฏิบัติหลังการต่อขนตา

  1. ไม่ควรให้ขนตาโดนน้ำ 4 ชั่วโมง
  2. ใช้มาสคาร่าสูตรเฉพาะทาบางๆ เคลือบขนตา เพื่อเพิ่มการติดทนนานขึ้น
  3. งดใช้ oil เช็ดทำความสะอาดขนตา เพราะจะทำให้กาวเสื่อมสภาพเร็ว และขนตาที่ต่อไปหลุดร่วงได้ง่าย
  4. งดเกาบริเวณเปลือกตา เพื่อกันการหลุดร่วงของเส้นขนตาจริง

ผู้ที่ไม่ควรต่อขนตาหรือควรเลื่อนการต่อไปก่อน

  1. ตาอักเสบ เป็นตาแดง หรือตากุ้งยิง
  2. ทำตาสองชั้นหรือสักขอบตามา อย่างน้อย1เดือนก่อนหน้า
  3. ขนตาดัดมา 
  4. ขนตาขาดแหว่ง หรือไม่มีขนตาให้ต่อ
  5. เพิ่งทำเลสิกมา ควรเว้น อย่างน้อย 1 เดือน

คำถามที่พบบ่อย

ตอบ: ปกติการต่อขนตาจะมี 2 แบบ คือการต่อแบบเส้นต่อเส้น และการต่อแบบจับช่อวอลลุ่ม
1. การต่อแบบเส้น คือการใช้ขนตาปลอม 1 เส้น ต่อลงบนขนตาจริง 1 เส้น จะให้ความเป็นธรรมชาติ ดูแลรักษาง่าย
2. การต่อแบบจับช่อหรือแบบวอลลุ่ม คือการจับช่อขนตาปลอมหลายเส้น นำมาต่อลงบนขนตาจริง 1 เส้น ขนตาจะดูฟุ้ง และทำให้ขนตาดูหนา มีวอลลุ่มชัดเจน เหมาะกับการต่อขนตาที่ต้องการจำนวนเส้นเยอะๆ หรือเราสามารถเลือกการต่อแบบผสมผสาน 2 เทคนิคเข้าด้วยกันก็ได้ ทั้งแบบเส้นต่อเส้นและจับช่อผสมกัน เพื่อความสวยมากยิ่งขึ้น

ตอบ: ไม่มี เนื่องจากการต่อขนตา คือการนำเส้นขนตาปลอมไปติดบนเส้นขนตาจริง โดยใช้กาวกึ่งถาวรซึ่งได้รับ อย. จึงมั่นใจได้ว่าปลอดภัยแม้ใช้ในกระบวนการต่อขนตา ขนตาที่ต่อจะอยู่ห่างจากผิวเปลือกตาประมาณ 1-2 มิลลิเมตร เมื่อเวลาผ่านไปขนตาปลอมที่ต่อจะหลุดร่วงออกไปเอง พร้อมขนตาจริงที่ต้องหลุดตามธรรมชาติอยู่แล้ว

ตอบ: เป็นเส้นไหมญี่ปุ่นที่นำเข้าจากประเทศญี่ปุ่นโดยตรง

ตอบ: กาวที่ใช้ต่อขนตาผ่านการทดสอบแล้วว่าไม่ก่อให้เกิดไอที่ระเหยเป็นอันตรายต่อดวงตา ผ่านอย.ทั้งจากประเทศไทยและประเทศญี่ปุ่น

ตอบ: การต่อขนตาจะไม่ส่งผลต่อการหลุดร่วงของขนตาโดยตรง โดยธรรมชาตินั้นขนตาจะผลัดออกประมาณ 1-5 เส้นทุกวันในขณะที่เราไม่รู้ตัว แต่เมื่อต่อขนตาแล้วอาจต้องเพิ่มความระมัดระวังในการดูแล ไม่ว่าจะเป็นการทำความสะอาด หรือการเกาขนตา เพราะสำลีหรือเล็บอาจจะเกี่ยวที่เส้นขนตาปลอมให้หลุดออกมาพร้อมดึงเส้นขนตาจริงให้หลุดออกมาด้วย จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ขนตาจริงหลุดร่วงมากกว่าปกติเมื่อเราต่อขนตานั่นเอง

ตอบ: การต่อขนตา 1 ครั้ง ขนตาที่ต่อไว้จะติดอยู่กับขนตาจริงประมาณ 3 – 4 สัปดาห์ แต่ขนตาจะมีหลุดร่วงบ้างในช่วง 2 สัปดาห์แรก และหลุดเยอะขึ้นเมื่อเข้าสัปดาห์ที่ 3 เพราะความเหนียวของกาวต่อขนตาเริ่มเสื่อมสภาพลง

ตอบ: หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ล้างเครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของน้ำมันบริเวณดวงตา เนื่องจากจะทำให้กาวต่อขนตาเสื่อมสภาพเร็วกว่าปกติ และใช้คอตตอนบัดแทนสำลีแผ่นเมื่อทำความสะอาดรอบดวงตา เพื่อป้องกันไม่ให้ใยสำลีเกี่ยวกับขนตาที่ต่อ

ตอบ: ไม่ เนื่องจากขนตาที่ใช้ต่อทำจากเส้นไหมญี่ปุ่น มีน้ำหนักเบา แม้ต่อจำนวนเส้นเยอะก็ตาม

ตอบ: สำหรับผู้ที่ไม่เคยต่อขนตามาก่อน ทางร้านจะแนะนำให้ต่อจำนวนน้อยที่สุดของทางร้านก่อนคือ 60 เส้นต่อตา 1 ข้าง เพื่อจะได้เห็นผลลัพธ์ที่ไม่ต่างจากเดิมที่ไม่ต่อมากนัก