แว๊กซ์คิ้ว
การออกแบบทรงคิ้ว
Eyebrow Shaping
การออกแบบทรงคิ้ว คือการกำจัดขนบริเวณรอบคิ้วด้วยการใช้ขี้ผึ้งร้อนปาดบนบริเวณขนที่ต้องการ และใช้ผ้าซับขี้ผึ้ง และดึงออกในทิศทางย้อนเส้นขน เพื่อกำจัดขนได้หมดจดทั้งราก
การออกแบบทรงคิ้ว (Eyebrow Shaping) ของ TINGLE คือการออกแบบรูปทรงคิ้วที่เหมาะสมกับรูปหน้าของลูกค้า โดยช่างผู้เชี่ยวชาญที่ผ่านการอบรมตามมาตรฐานของ TINGLE ซึ่งอุปกรณ์ที่ใช้ในกระบวนการออกแบบทรงคิ้วนั้นได้ถูกคัดสรรมาอย่างพิถีพิถันจากแหล่งที่มาที่มีคุณภาพ และเชื่อถือได้
ข้อดีของการออกแบบทรงคิ้ว
- คิ้วได้รูปทรงโดยไม่ทำร้ายผิว ทำให้คุณมีทรงคิ้วที่สวยเหมาะกับใบหน้า และขับให้ใบหน้าดูสดใสมากขึ้น
- การแว็กซ์ขนได้ผลลัพธ์ดีกว่าวิธีการถอนหรือกัน เพราะไม่ทำร้ายผิว ลดการเกิดขนคุด และทำให้ขนที่ขึ้นใหม่บางลงเรื่อยๆ
- การแว๊กซ์ขนอย่างสม่ำเสมอจะทำให้ขนที่งอกใหม่มีอัตราที่น้อยลงเรื่อยๆ และจะหยุดงอกในที่สุด
- สำหรับผู้ที่แต่งหน้าและเขียนคิ้วเป็นประจำ การแว็กซ์ขนคิ้วทำให้เขียนคิ้วง่ายขึ้น ลดเวลาการแต่งหน้าได้
จุดเด่นของการออกแบบทรงคิ้วที่ TINGLE
- เราทำการวิเคราะห์ใบหน้า ออกแบบและจัดแต่งคิ้วให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคลโดยเฉพาะ
- เทคนิคของเราเป็นเทคนิคสากลที่ถูกนำมาประยุกต์ให้เข้ากับรูปหน้าคนเอเชีย
- เราใช้ Wax คุณภาพสูงที่ผลิตจากธรรมชาติ 100% นำเข้าจากประเทศแคนาดา ผลที่ได้คือขนที่เรากำจัดออกไปจะขึ้นช้ากว่า Wax แบรนด์อื่น และจะให้ขนที่ขึ้นมามีเส้นเล็ก และบางลง
- ไม่ใช่แค่การออกแบบทรงคิ้ว แต่ทรีตเมนท์เราประกอบด้วย 5 ขั้นตอนเฉพาะของ TINGLE ซึ่งรวมทั้งการออกแบบ จัดแต่งให้คิ้วออกมาดีที่สุด โดยช่างผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์สูง และผ่านการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี
- มีห้องบริการที่เป็นส่วนตัว
จุดเด่นของการลงสีคิ้วที่ TINGLE
- ทำให้มีทรงคิ้วที่สวยสมบูรณ์แบบ เหมาะกับใบหน้าของแต่ละท่าน
- การออกแบบทรงคิ้วทำให้ขนขึ้นช้า แตกต่างจากการกันด้วยใบมีดที่แค่ไม่กี่วันขนก็ขึ้น
- สำหรับผู้ที่แต่งหน้าและเขียนคิ้วเป็นประจำ การออกแบบทรงคิ้วทำให้เขียนคิ้วง่ายขึ้นมาก ลดเวลาการแต่งหน้าลงไปมาก
ข้อเสียของการออกแบบทรงคิ้ว
- อาจมีการระคายเคืองหลังการออกแบบทรงคิ้ว ซึ่งสามารถหายเองได้
- ขนที่สั้นมากอาจไม่ติดเนื้อแว๊กซ์และแว๊กซ์ไม่หลุดได้ ต้องใช้วิธีถอนออกแทน ซึ่งอาจทำให้รู้สึกเจ็บมาก
- การออกแบบทรงคิ้วเป็นวิธีที่ยุ่งยาก และราคาสูงกว่าวิธีกำจัดขนคิ้ววิธีอื่น
ข้อควรปฎิบัติก่อนเข้ารับบริการออกแบบทรงคิ้ว
- งดการกัน ถอน ขนคิ้วก่อนเข้ารับบริการออกแบบทรงคิ้วอย่างน้อย 2-3 สัปดาห์
- งดการทายาสิวบริเวณรอบๆ คิ้วและงดการทายารักษาสิวประมาณ 1-2 สัปดาห์
- หลีกเลี่ยงการออกแดดจัดก่อนเข้ารับบริการประมาณ 1 สัปดาห์
- ไม่สครับผิวรอบๆ บริเวณคิ้ว หรือเลเซอร์ผิวเป็นเวลา 1-2 สัปดาห์
- หากอยู่ในระหว่างการดูแลรักษาแผลจากการทำศัลยกรรม ควรเว้นระยะห่างก่อนเข้ารับบริการออกแบบทรงคิ้วจนกว่าแผลบริเวณรอบๆ ดวงตาจะหาย
- หากฉีดฟิลเลอร์ โบท๊อก ร้อยไหม ยกกระชับใบหน้า หรือบริเวณใกล้เคียงรอบๆ คิ้ว ควรเว้นระยะห่าง 1 สัปดาห์ ก่อนเข้ารับบริการออกแบบทรงคิ้ว
- อยู่ในช่วงดูแลรักษาผิวเป็นผื่นแพ้ ผิวลอก แดง และบวม
- หากอยู่ในช่วงมีประจำเดือนการแว็กซ์อาจทำให้รู้สึกเจ็บ
คำถามที่พบบ่อย
ตอบ: การออกแบบทรงคิ้วแบบ TINGLE คือการดีไซน์ทรงคิ้วโดยช่างผู้เชี่ยวชาญ โดยประเมินจากรูปทรงของใบหน้าทั้งหมดและออกแบบทรงคิ้วที่เหมาะสมและรับกับใบหน้ามากที่สุด หลังจากนั้น ช่างจะใช้แว๊กซ์กำจัดขนที่ไม่ได้ทรงออก เมื่อแว๊กซ์เสร็จแล้วจะมาส์กผิวด้วยมาส์กทองคำเพื่อลดการระคายเคืองและเพิ่มความชุ่มชื้น ก่อนที่จะตกแต่งทรงคิ้วเป็นขั้นตอนสุดท้าย
ตอบ: เพราะหลังการเลเซอร์ที่ผิว ผิวจะค่อนข้างบอบบางและระคายเคืองได้ง่าย การแว็กซ์หลังเลเซอร์ทันทีจะเพิ่มการระคายเคืองให้ผิวขึ้นอีก ดังนั้นควรเว้นระยะอย่างน้อย 1-2 สัปดาห์เพื่อรอให้ผิวฟื้นฟูกลับมาสู่สภาพปกติก่อนการแว๊กซ์
ตอบ: การแว๊กซ์คือการดึงขนออกมาทั้งราก นอกจากทำให้ขนใหม่ขึ้นช้าแล้ว ขนที่ขึ้นใหม่จะบางขึ้นเรื่อยๆ การกันคือการกำจัดขนบริเวณเหนือผิวหนัง ขนจะเกิดขึ้นใหม่เร็วขึ้นและเส้นหนาขึ้น และยังทำให้ผิวหนังเกิดความระคายเคืองจากการเสียดสีกับใบมีดได้อีกด้วย การถอนขนนั้น แม้จะเป็นการกำจัดขนทั้งรากเช่นเดียวกับการแว๊กซ์ แต่จะทำให้รูขุมขนเปิดกว้างมากกว่า ซึ่งอาจทำให้เกิดการสะสมของ keratin ที่รูขุมขนและทำให้เกิดขนคุดขึ้นได้ในที่สุด
ตอบ: การแว๊กซ์คิ้วนั้นคือการปาดแว๊กซ์อุ่นลงบนขนที่ไม่ได้ทรงคิ้ว ซึ่งแว๊กซ์อุ่นจะทำให้รูขุมขนขยายตัวและขนถูกดึงออกโดยง่าย ในการแว๊กซ์ครั้งแรกอาจจะรู้สึกเจ็บบ้างเล็กน้อยเนื่องจากขนไม่เคยถูกดึงมาก่อน แต่หลังจากนั้นผิวจะปรับตัวและจะไม่รู้สึกเจ็บเท่าไรนัก
นวดหน้า
โปรแกรมฟื้นฟูและบำรุงผิวหน้าอย่างล้ำลึก
TINGLE Miracle Skin Program
โปรแกรมฟื้นฟูและบำรุงผิวหน้าอย่างล้ำลึก
การบำรุงผิวอย่างล้ำลึกด้วยเครื่อง Wishpro นวัตกรรมใหม่ล่าสุดในการบำรุงผิวจากประเทศอิสราเอล ด้วยเทคโนโลยีแมคเนติคอินฟิวชั่น เพิ่มประสิทธิภาพการผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วให้หลุดออกอย่างหมดจด และผลักวิตามินเข้าผิวด้วยแสงสีแดง ฟ้า หรือเหลืองผ่านแคปซูลวิตามินสูตรต่างๆ ได้อย่างล้ำลึก
กระบวนการทำงาน
1. หัว Magnetic pulse เป็นหัวคลื่นแม่เหล็ก
ใช้คู่กับแคปซูลสครับผิวซึ่งมีส่วนผสมของ sweet almond oil วิตามิน A และ E ช่วยขัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วให้หลุดออกอย่างอ่อนโยน พร้อมกระตุ้นระบบไหลเวียนของเลือด และต่อมน้ำเหลือง
2. หัวสีเหลือง Microcurrent
ปล่อยกระแสไฟฟ้าระดับเบา ช่วยลดริ้วรอยชั้นตื้น ผิวหย่อนคล้อย เพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อใต้ชั้นผิว ช่วยให้ผิวหน้ากระชับ ริ้วรอยลดเลือนลง
3. หัว Rejuvenation แสงสีแดง
ช่วยเสริมสร้างการทำงานของเซลล์ fibroblast เพื่อให้กระบวนสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินดียิ่งขึ้น ลดฝ้า กระ ลดขนาดรูขุมขน
4. หัว Blue ray แสงสีฟ้า
ช่วยลดการอักเสบที่ผิวหนัง และกำจัดแบคทีเรีย P-acne ที่เป็นต้นเหตุการเกิดสิว ทำให้ลดการเกิดสิวบนผิวหน้าได้ในระยะยาว
ประเภทของหัวแคปซูล
1. Peel exfoliator
แคปซูลสครับผิวที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติ อุดมไปด้วยวิตามิน A และ E จาก sweet almond oil อ่อนโยน ไม่ระคายเคือง ใช้ได้กับทุกสภาพผิว
2. Neo energy
แคปซูลนี้เป็นการเทียบเท่าการฉีดฟิลเลอร์ คอลลาเจนและอีลาสตินที่ได้จากธรรมชาติสำหรับเซลล์ผิว ซึ่งทำให้ริ้วรอยลดลง และผิวกระชับขึ้นภายใน 15 วัน ส่วนผสม MG6P ร่วมกับ essential amino acids และ Copper
3. Whitening
ส่วนผสมสำคัญ 2 ส่วน ที่ทำให้ผิวกระจ่างใสขึ้น และปรับสีผิว B-White solution และ Sea Shine ซึ่งเป็นส่วนผสมจากธรรมชาติสกัดจากสาหร่ายทะเลสีน้ำตาล 2 ชนิด ช่วยทำให้การสร้างเม็ดสีเมลานินลดลง และทำให้จุดด่างดำจางเร็วขึ้น ขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วจึงทำให้ผิวเรียบเนียน
4. BTX
เรียกว่า BOTOX ปราศจากผลข้างเคียง BTX Capsule ส่วนประกอบคือ Argire-line peptide solution C Hexapeptide-8 เป็นเปปไทด์ที่มีความพิเศษ คิดค้นออกมาเพื่อการรักษาเฉพาะส่วน ซึ่งเป็นการเลียนแบบให้ได้ผลลัพธ์เดียวกับ BOTOX ทำงานโดยการปรับการหดตัวกล้ามเนื้อ เพื่อยับยั้งการเกิดริ้วรอยและให้ผิวกระชับขึ้น
คำถามที่พบบ่อย
ตอบ: โปรแกรมฟื้นฟูและบำรุงผิวหน้าอย่างล้ำลึกของ TINGLE เป็นการใช้เทคโนโลยีคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าบวกกับคุณสมบัติของหัวสีต่างๆ เพื่อแก้ปัญหาผิวหน้าอย่างตรงจุด สำหรับการรับบริการ 1 ครั้งลูกค้าจะสัมผัสได้ทันทีว่าผิวชุ่มชื้นขึ้น และจะเห็นผลลัพธ์ชัดเจนที่สุดเมื่อทำติดต่อกันอย่างน้อย 10 ครั้ง
ตอบ:
1.หัวสีเขียว Magnetic pulse เป็นหัวคลื่นแม่เหล็ก ใช้คู่กับแคปซูลสครับผิวซึ่งมีส่วนผสมของ sweet almond oil วิตามิน A และ E ช่วยขัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วให้หลุดออกอย่างอ่อนโยน พร้อมกระตุ้นระบบไหลเวียนของเลือดและต่อมน้ำเหลือง
2. หัวสีเหลือง Microcurrent ปล่อยกระแสไฟฟ้าระดับเบา ช่วยลดริ้วรอยชั้นตื้น แก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อย เพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อใต้ชั้นผิว ทำให้ผิวช่วยให้ผิวหน้ากระชับขึ้น และริ้วรอยลดเลือนลง
3. หัว Rejuvenation แสงสีแดง ช่วยเสริมสร้างการทำงานของเซลล์ fibroblast เพื่อให้กระบวนสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินดียิ่งขึ้น เพิ่มการไหลเวียนโลหิต ลดริ้วรอยบางๆ ลดฝ้า กระและขนาดรูขุมขน
4. หัว Blue ray แสงสีฟ้า ช่วยลดความอักเสบที่ผิวหนัง และกำจัดแบคทีเรีย P-Acne ที่เป็นต้นเหตุการเกิดสิว
การลงสีคิ้ว
ลงสีคิ้ว
Eyebrow Micropigmentation
การลงสีคิ้ว (Eyebrow Micropigmentation) คือการลงสีคิ้วกึ่งถาวรโดยการใช้เข็มฝังสีลงไปบริเวณคิ้ว เพื่อเติมเต็มรูปทรงคิ้วตามต้องการ
TINGLE เป็นเจ้าแรกในประเทศที่นำเข็มลงสีระบบป้องการการไหลย้อนกลับ (Creatip System) มาใช้ในกระบวนการลงสีคิ้ว ซึ่งเข็มประเภทนี้พัฒนามาจากเครื่องมือแพทย์ ควบคุมด้วยไมโครโปรเซสเซอร์ ทำให้มีความแม่นยำในการควบคุมปริมาณสีและสะอาด ปลอดภัย ผู้เชี่ยวชาญที่ TINGLE ได้รับการอบรมด้านการออกแบบลายเส้นและรูปทรงคิ้วที่เหมาะกับใบหน้า รวมไปถึงมาตรฐานความสะอาด ปลอดภัยในการลงสีคิ้ว เพื่อให้ผลงานออกมาสวยตรงใจลูกค้าและปลอดภัยสูงสุด
การลงสีคิ้วที่ TINGLE มี 3 แบบได้แก่
1. แบบลายเส้น (3D)
การลงสีคิ้วสามมิติแบบลายเส้น โดยแต่ละลายเส้นจะลงสีเลียนแบบเส้นขนคิ้วธรรมชาติของมนุษย์ เพื่อทำให้คิ้วสวยได้รูป และเป็นธรรมชาติมากที่สุด
เหมาะสำหรับ : ผู้ที่ไม่มีขนคิ้ว และต้องการเพิ่มลายเส้นคิ้วให้ดูเป็นธรรมชาติ
2. แบบฝุ่น (Dustbrow)
ใช้เทคนิค shading ในการลงสีคิ้ว เพื่อให้ได้คิ้วที่มีมิติจากโทนสีที่ไล่ระดับจากอ่อนไปเข้ม ช่วยประหยัดเวลาในการแต่งหน้า
เหมาะสำหรับ : ผู้ที่มีขนคิ้วเป็นทรงอยู่แล้ว และอยากเพิ่มความมีมิติของคิ้ว
3. แบบผสม
การลงสีคิ้วแบบลายเส้นผสมกับการ shading สีคิ้ว เพื่อเพิ่มความหนาและมิติของทรงคิ้ว
เหมาะสำหรับ : ผู้ที่มีขนคิ้วเป็นทรงอยู่แล้ว แต่ขนคิ้วอาจจะเส้นเล็ก และบางมากจนแทบมองไม่เห็น
จุดเด่นของการลงสีคิ้วที่ TINGLE
1. อุปกรณ์ในการลงสีคิ้วทั้งหมดนำเข้าจากประเทศเยอรมนี
2. TINGLE เป็นเจ้าแรกในประเทศที่นำเข็มลงสีระบบป้องกันการไหลย้อนกลับ (Creatip System) มาใช้
3. ชุดปลอกเข็มที่ใช้มีซีลถึง 2 ชั้น ป้องกันการสัมผัสกับฝุ่นละอองและสิ่งปนเปื้อนในอากาศก่อนใช้งาน
4. ผู้เชี่ยวชาญด้านการลงสีคิ้วของ TINGLE ได้ผ่านการอบรมจาก AMIEA ประเทศเยอรมนี
5. ลายเส้นคิ้วเน้นความเป็นธรรมชาติ และรูปทรงที่รับกับใบหน้ามากที่สุด
ข้อพึงปฏิบัติก่อนเข้ารับบริการลงสีคิ้ว
- ไม่ดึง ถอน ย้อมสีคิ้วก่อนเข้ารับบริการ
- งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก่อน 24 – 48 ชั่วโมงก่อนเข้ารับบริการ
- งดเครื่องดื่มชา กาแฟ ก่อนเข้ารับบริการ
- งดน้ำมันตับปลา กระเทียม
- งดการทำ tanning 2 สัปดาห์ก่อนเข้ารับบริการ
- งดการขัดผิวหน้า 2 สัปดาห์ก่อนเข้ารับบริการ
- งดการทำโบท็อกซ์ ฟิลเลอร์ 3-4 สัปดาห์ก่อนเข้ารับบริการ
- งดการใช้ผลิตภัณฑ์ทาผิวหน้าที่มีส่วนผสมของ วิตามิน A หรือ เรตินอล อย่างน้อย 4 สัปดาห์ก่อนเข้ารับบริการ
ข้อควรปฏิบัติหลังการลงสีคิ้ว
- ไม่ควรให้บริเวณที่ลงสีคิ้วถูกน้ำ และโดนแดดจัด 5-7 วัน
- ทายา bepanthen ทุกวัน เป็นเวลา 7 วันเพื่อให้ผิวสมานเร็วขึ้น
- งดแกะ เกา บริเวณลงสีคิ้ว
ผู้ที่ไม่ควรเข้ารับบริการลงสีคิ้ว
- ไม่มีภาวะความดันโลหิตสูงหรือมีปัญหาเกี่ยวกับหัวใจ
- ไม่อยู่ระหว่างตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร
- อยู่ระหว่างการใช้ยาแอสไพริน ไอบูโพรเฟน หรือยาประเภทเดียวกัน
- อยู่ระหว่างการใช้ยาสเตียรอยด์ เช่น เรติน เอ
- มีภาวะแพ้แอลกอฮอล์
- มีสิวบริเวณที่จะลงสี
7. เป็นเบาหวาน
8. มีภาวะต้อหิน
9. มีโรคผิวหนัง เช่น ผื่นคัน เริม สะเก็ดเงิน ผิวหนังอักเสบ
10. มีภาวะเลือดหยุดไหลช้า
11. มีภาวะที่เกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกัน เช่น โรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง โรคไวรัสตับอักเสบ
*หากลูกค้ากำลังรับการรักษาโดยใช้ยาประเภทใดก็ตาม จะต้องได้รับคำรับรองจากแพทย์ก่อนเข้ารับบริการ
คำถามที่พบบ่อย
ตอบ: เนื่องจาก TINGLE ได้คัดเลือกเครื่องมือและอุปกรณ์จากแหล่งที่มาที่มีคุณภาพดีจากทั่วโลกมาใช้ในการให้บริการ ไม่ว่าจะเป็นเข็มลงสีที่นำเข้ามาจากประเทศเยอรมันีซึ่งพัฒนามาจากเครื่องมือแพทย์ มีระบบป้องกันการไหลย้อนกลับของเลือดและน้ำเหลือง ทำให้กระบวนการลงสีปลอดภัยจากการติดเชื้อ 100%
ตอบ: ในขั้นตอนการลงสีคิ้วจะมีการแปะยาชาก่อน 45 นาทีเพื่อช่วยให้ลูกค้าไม่รู้สึกเจ็บมาก และระหว่างลงเข็ม จะมีการใช้ยาชาน้ำเป็นระยะอีกด้วย
ตอบ: การลงสีคิ้ว 3 มิติ (3D) คือการลงสีคิ้วแบบลายเส้นโดยแต่ละลายเส้นจะลงสีเลียนแบบเส้นขนคิ้วธรรมชาติของมนุษย์ เพื่อทำให้คิ้วสวย ได้รูปและเป็นธรรมชาติมากที่สุด เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่มีขนคิ้ว และต้องการเพิ่มลายเส้นคิ้วให้ดูเป็นธรรมชาติ
การลงสีแบบฝุ่น (Dustbrow) เป็นลงสีโดยใช้เทคนิค shading เพื่อให้ได้คิ้วที่มีมิติจากโทนสีที่ไล่ระดับจากอ่อนไปเข้ม ช่วยประหยัดเวลาในการแต่งหน้า เหมาะสำหรับผู้ที่มีขนคิ้วเป็นทรงอยู่แล้ว และอยากเพิ่มความมีมิติของคิ้ว
การลงสีแบบผสม (3D+Dustbrow) เป็นการลงสีคิ้วแบบลายเส้นผสมกับการ shading สีคิ้ว เพื่อเพิ่มความหนาและมิติของทรงคิ้ว เหมาะสำหรับผู้ที่มีขนคิ้วเป็นทรงอยู่แล้ว แต่ขนคิ้วอาจจะเส้นเล็กและบางมากจนแทบมองไม่เห็น
ตอบ: การลงสีคิ้วคือการฝังสีลงไปในชั้นผิวชั้นหนังแท้ ซึ่งจะทำให้สีติดทนอยู่ประมาณ 1-2 ปี ขึ้นอยู่กับสภาพผิวตามธรรมชาติของแต่ละบุคคล และการทำกิจกรรมในแต่ละวัน เช่น การถูกแสงแดดบ่อยครั้งหรือการขัดผิวเป็นประจำจะทำให้สีจางเร็วขึ้น
ตอบ: ช่างลงสีคิ้วของ TINGLE ได้รับการเทรนตามมาตรฐานของทางร้านและทาง amiea ประเทศเยอรมนี
ตอบ: ขึ้นอยู่กับความเข้มของสีและแนวของรอยเก่า ถ้าจางมากจะสามารถทำการลงสีใหม่ได้ แต่หากสีเข้มมากควรลบรอยเดิมก่อนเริ่มกระบวนการลงสีใหม่
ตอบ: อุปกรณ์ที่ทาง TINGLE ใช้ไม่ก่อให้เกิดแผลลึก ดังนั้นหลังการเข้ารับบริการ ผิวจะมีการบวมแดงเล็กน้อยเท่านั้น แต่จะหายไปในเวลาไม่กี่ชั่วโมง สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ แต่ไม่ควรเล่นกีฬากลางแจ้งช่วง 3 วันแรกหลังทำเนื่องจากผิวอาจจะยังปิดไม่สนิท อาจก่อให้เกิดการระคายเคืองและแสบหากถูกแสงแดดเป็นเวลานานได้
ลิฟติ้งขนตา ขนคิ้ว
ลิฟท์ขนตา และ ลิฟท์คิ้ว
Eyelash and Eyebrow Lifting
การลิฟท์ขนตาและลิฟท์คิ้ว คือการดัดยกโคนขนตาหรือดัดขนคิ้วกึ่งถาวร ทำให้ขนตางอนขึ้นหรือขนคิ้วตั้งขึ้นเสมือนใช้มาสคาร่าใสปัดตลอดวัน หลังจากทำการดัดขนตาหรือขนคิ้วแล้ว ขนตา ขนคิ้วจะคงสภาพตามที่ดัดได้นานมากน้อยตามสภาพขนตามธรรมชาติและอัตราการยาวของเส้นขนตาของแต่ละคน และวิธีการดูแลรักษา
จุดเด่นของการลิฟท์ขนตา และ ลิฟท์คิ้วที่ TINGLE
TINGLE ให้ความสำคัญกับกระบวนการลิฟติ้งด้วยการคัดสรรน้ำยาดัด และอุปกรณ์ในการดัดจากแหล่งที่มาที่ได้รับการยอมรับ โดยชุดน้ำยาดัดนำเข้าจากประเทศออสเตรเลีย ปลอดภัยกับดวงตา และทำให้ขนตางอนเงางามอย่างเป็นธรรมชาติ และใช้ทรีทเมนต์ปัดบำรุงเส้นขนตาหลังการดัด เพื่อให้ขนตาชุ่มชื้น เงางามยิ่งขึ้น
ข้อดีของการทำลิฟท์ขนตา และ ลิฟท์คิ้ว
- เป็นกระบวนการดูแลขนตา ขนคิ้วที่ก่อให้เกิดอาการระคายเคืองน้อย หรือแทบไม่มีเลย
- ทำให้ดวงตาดูโตขึ้น ขนตางอนสวยโดยไม่ต้องปัด
- ทำให้คิ้วดูเต็มขึ้น ปกปิดส่วนที่ไม่เต็มได้
- ไม่จำเป็นต้องใช้มาสคาร่าในการปัดขนตา ขนคิ้วอีก
- ประหยัดเวลาในการแต่งหน้า
- เหมาะกับขนตา ขนคิ้วเกือบทุกแบบ ไม่ว่าขนตา ขนคิ้วจะสั้นหรือยาว อ่อนหรือเข้ม
การเตรียมตัวก่อนเข้ารับบริการลิฟท์ขนตา และ ลิฟท์คิ้ว
- หากทำการลิฟท์ขนตา และ ลิฟท์คิ้ว ลูกค้าต้องไม่ต่อขนตา หรือมีขนตาที่เหลือจากการต่อเดิม ถ้ามีต้องทำการถอดขนตาออกก่อน
- ต้องไม่เป็นโรคที่เกี่ยวกับตา เช่น ตาแดง อักเสบ ติดเชื้อบริเวณรอบดวงตา หากทำเลสิกหรือผ่าตัดบริเวณดวงตาต้องเว้นระยะเวลาไม่ต่ำกว่า 2 เดือนหรือตามคำแนะนำของแพทย์
- ไม่ควรใส่คอนแทคเลนส์มาในวันที่รับบริการลิฟท์ขนตา และ ลิฟท์คิ้ว เพราะอาจจะทำให้ตาแห้งได้
- งดปัดมาสคาร่า แต่งตา ในวันที่เข้ารับบริการลิฟท์ขนตา และ ลิฟท์คิ้ว
- ถ้าเคยลิฟติ้งมาก่อน ต้องเว้นระยะจากครั้งที่แล้วมากกว่า 1 เดือน ขึ้นไป
ข้อควรปฏิบัติหลังจากทำลิฟท์ขนตา และ ลิฟท์คิ้ว
- ห้ามขนตา/ขนคิ้ว ถูกน้ำ น้ำร้อน ซาวน่า เหงื่อ หรือสระผม หลังการทำเป็นเวลา 24 ชม. เพราะอาจจะทำให้ขนตา/ขนคิ้วคลายตัวได้
- หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดเครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของน้ำมัน เนื่องจากอาจทำให้น้ำยาดัดเสื่อมสภาพเร็วกว่าปกติ
- หลีกเลี่ยงการใช้มาสคาร่าแบบกันน้ำ แต่สามารถใช้มาสคาร่าแบบปกติได้
- หลีกเลี่ยงการเกาขนตา หรือขนคิ้ว
คำถามที่พบบ่อย
ตอบ: การลิฟท์ขนตา หรือ ลิฟท์คิ้วคือการดัดขนตาและขนคิ้วให้ไปในทิศทางตามต้องการ โดยใช้น้ำยาดัดกึ่งถาวรที่ไม่เป็นอันตรายต่อผิวหน้าและรอบดวงตา โดยลิฟท์ขนตา หรือ ลิฟท์คิ้วขนตานั้นจะทำให้ขนตางอนงามโดยไม่ต้องดัดนานประมาณ 1 เดือนถึงเดือนครึ่ง ส่วนลิฟท์ขนตา หรือ ลิฟท์คิ้วจะทำให้ขนคิ้วตั้งฟูโดยไม่ต้องใช้มาสคาร่าจัดทรง
ตอบ: ผู้ที่เหมาะกับการลิฟท์ขนตา หรือ ลิฟท์คิ้วคือคนที่พอมีขนคิ้วและขนตาอยู่บ้าง แต่เส้นขนอาจจะไม่เรียงตัวมากนัก ต้องการประหยัดเวลาในการแต่งหน้ารวมไปถึงการทำความสะอาดด้วย
ตอบ: ไม่ควรโดนน้ำอย่างน้อย 24 ชั่วโมงเพื่อให้น้ำยาเซ็ตตัวคงที่ ไม่ควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของน้ำมันอย่างน้อย 2 วัน ไม่ควรขยี้ขนตาหรือขนคิ้ว และควรหมั่นใช้แปรงเซตเป็นประจำ
ตอบ: สามารถทำได้ทุกๆ 1 เดือน แต่ลูกค้าจำเป็นต้องใช้ทรีทเมนต์หรือเซรัมบำรุงขนตาเป็นระยะเพื่อบำรุงขนตาหรือขนคิ้วให้แข็งแรงอยู่เสมอ
แว๊กซ์ตัว
การแว๊กซ์ตัว
Body Waxing
การแว๊กซ์ขนตามจุดต่างๆ ของร่างกาย คือการใช้ขี้ผึ้งปาดลงบนขนบริเวณที่ต้องการจะกำจัดออก
โดยปกติการแว๊กซ์ขนมี 2 แบบ คือการแว๊กซ์ร้อน และการแว๊กซ์เย็น โดยการแว๊กซ์ร้อนนั้นจะอุ่นขี้ผึ้งให้ร้อนก่อนนำไปใช้ เพื่อทำให้รูขุมขนคลายตัว และทำให้ขนถูกดึงออกได้ถึงรากนั่นเอง ส่วนการแว๊กซ์เย็นนั้นใช้แว๊กซ์ที่มีอุณหภูมิห้องปกติในการดึงขน แต่ต้องใช้ทักษะการดึงเนื่องจากมีโอกาสที่ขนจะขาดระหว่างเส้นได้ง่าย
จุดเด่นของการแว๊กซ์ร้อนที่ TINGLE
TINGLE ให้บริการแว๊กซ์ขนบนตำแหน่งต่างๆ บนร่างกายได้แก่ หน้าผาก เหนือริมฝีปาก กรอบหน้า แขน ขา และแนวบิกินี โดยวิธีการใช้แว๊กซ์ร้อนซึ่งนำเข้าจากประเทศออสเตรเลีย มีส่วนผสมของเรซินธรรมชาติ และน้ำมันมะกอก ไม่ทดลองในสัตว์ ไม่ระคายเคือง อ่อนโยนแม้ผิวแพ้ง่าย และให้บริการโดยช่างผู้ชำนาญการที่เชี่ยวชาญในการแว๊กซ์ ในห้องบริการแบบส่วนตัว
- เนื้อแว๊กซ์ทำมาจากขี้ผึ้งคุณภาพดี นำเข้าจากประเทศออสเตรเลีย มีส่วนผสมจากธรรมชาติหลากหลายชนิด เช่น คาโมมายด์และไมโครไมกา น้ำมันมะกอก ปราศจากการเติมกลิ่นและสีสังเคราะห์ ไม่ทดลองในสัตว์ ไม่ระคายเคือง อ่อนโยนแม้ผิวแพ้ง่าย
- เนื้อแว๊กซ์จะถูกรักษาอุณหภูมิที่ 55-60 C เพื่อให้สามารถจับเส้นขนได้ดีเยี่ยมแม้สั้นเพียง 1 มิลลิเมตร
- กำจัดขนได้ทันที โดยไม่ทำร้ายผิว
- ผิวนุ่มขึ้นหลังการแว๊กซ์ทันที เนื่องจากได้รับการบำรุงจากเนื้อแว๊กซ์
ข้อดีของการแว๊กซ์
- ไม่ทำร้ายผิวเหมือนการโกน หรือดึง
- ขนที่ขึ้นใหม่จะบางขึ้น นุ่มขึ้น และขนจะหยุดขึ้นใหม่เมื่อแว๊กซ์ติดต่อกันประมาณ 8 เดือน
- สามารถกำจัดขนในบริเวณที่เข้าถึงยากได้
ข้อพึงปฏิบัติก่อนการแว๊กซ์
- ขนควรยาวประมาณ ¼ – ½ นิ้วก่อนทำการแว๊กซ์ เพื่อให้เนื้อแว๊กซ์จับเส้นขนได้ดี
- ไม่ควรทำการแว๊กซ์บนผิวที่มีรอยผื่นแดง หรืออักเสบ
- ไม่ควรผสมวิธีกำจัดขนหลายรูปแบบ
- ควรเข้ารับการแว๊กซ์อย่างสม่ำเสมอ ทุก 3-6 สัปดาห์ เพื่อกำจัดขนในช่วงระยะกำลังยาวในช่วงเวลาเดียวกันและทำให้ขนหยุดงอกถาวรในอนาคตได้เร็วยิ่งขึ้น
การฝังสีปาก
ลงสีปาก Lip
Micropigmentation
การฝังสีปากคือการใช้เข็มฝังสีลงไปบริเวณริมฝีปากกึ่งถาวร โดยไม่ต้องผ่าตัดหรือฉีดยา
การฝังสีปาก คือการใช้เข็มฝังสีลงไปบริเวณริมฝีปากกึ่งถาวร โดยไม่ต้องผ่าตัดหรือฉีดยา เพื่อทำให้ปากมีสีตามต้องการ และยังช่วยแก้ปัญหาสีปากเช่น สีปากซีด คล้ำ สีไม่สม่ำเสมอ ทำให้ริมฝีปากดูสดใส อวบอิ่ม และอ่อนวัย โทนสีที่นิยมใช้ได้แก่ สีแดง ชมพู ส้ม จำนวนครั้งในการฝังสีซ้ำเพื่อจะให้ได้สีปากตามต้องการขึ้นอยู่กับโทนสีปากเดิมของแต่ละคน โดยสีจะค่อยๆ ผลัดขึ้นมาภายในระยะเวลา 2-3 เดือน บางคนอาจจะต้องมีการเติมสี เพื่อให้ได้สีที่ชัดขึ้น สีที่ฝังจะคงทนอยู่ได้ 2-5 ปี
ข้อดีของการฝังสีปาก
1. ใช้อุปกรณ์ลงสีที่ได้มาตรฐานความปลอดภัยเช่นเดียวกับเครื่องมือทางการแพทย์
2. มีเฉดสีให้เลือกหลากหลาย และได้รับการรับรองจากประเทศเยอรมนีว่าปลอดภัยกับผิว
3. สามารถปรับสีปากซีด และสีปากคล้ำตามต้องการได้
4. ช่วยผลัดเซลล์ผิวให้ริมฝีปากเนียนนุ่มขึ้น
5. สีปากเป็นธรรมชาติขึ้น โดยไม่ต้องทาลิปสติก
6. ช่วยลดความจำเป็นในการใช้ลิปสติก และลดความเสี่ยงที่จะเกิดการแพ้จากสารเคมีในลิปสติก
7. หลังกระบวนการลงสี ริมฝีปากเกิดอาการบวมน้อยมาก
8. โอกาสริมฝีปากเป็นแผลหรือติดเชื้อน้อยมาก เนื่องจากเครื่องมือลงสีมีความสะอาดสูง
9. หลังลงสีปาก ลูกค้าสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ โดยต้องพักฟื้น
10 .สามารถลงสีเพื่อปรับรูปปากให้ได้รูปทรงตามต้องการ หรือดูอวบอิ่มขึ้นได้
วิธีการเตรียมตัวก่อนเข้ารับบริการฝังสีปาก
- งดยาจำพวกแอสไพริน ไอบูโพรเฟน และยาปฏิชีวนะ ก่อนเข้ารับบริการอย่างน้อย 2 อาทิตย์
- งดการอาบแดด หรือทำแทนนิงก่อนเข้ารับบริการอย่างน้อย 2 อาทิตย์
- งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ คาเฟอีน อาหารรสจัด อย่างน้อย 24 ชั่วโมง
- ทาลิปบาล์มบำรุงริมฝีปากสม่ำเสมอเพื่อรักษาความชุ่มชื้นของริมฝีปาก
- ทำความสะอาดช่องปาก ด้วยการแปรงฟันและบ้วนน้ำยาบ้วนปากก่อนเข้ารับบริการ
ข้อควรปฏิบัติหลังการฝังสีปาก
- ห้ามให้ริมฝีปากโดนน้ำ 3-5 วันหรือจนกว่าสะเก็ดจะหลุดหมด
- งดแกะหรือเการิมฝีปากจนกว่าสะเก็ดจะหลุดหมด
- ทาเจลลีปิโตรเลียมบนริมฝีปากเพื่อลดอาการแห้งและป้องกันฝุ่นละออง 3-4 ครั้งต่อวัน
- งดออกกำลังกายหนัก และอาบแดด ประมาณ 2 สัปดาห์
- การสครับผิวปาก อาบแดด และสูบบุหรี่จะทำให้สีที่ฝังจางลงเร็วขึ้น
คำถามที่พบบ่อย
ตอบ: การฝังสีปากช่วยแก้ปัญหาสีปาก เช่น สีปากซีด คล้ำ สีไม่สม่ำเสมอ หรือแก้ปัญหาปากไม่ได้รูป โดยไม่ต้องผ่าตัดหรือฉีดยา เพื่อทำให้ปากมีสีและรูปทรงตามต้องการ และยังทำให้ริมฝีปากดูสดใส อวบอิ่ม และอ่อนวัยอีกด้วย
ตอบ: ผู้ที่อยู่ระหว่างตั้งครรภ์ ให้นมบุตร หรืออยู่ระหว่างการทำเคมีบำบัด ผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ ผู้มีโรคประจำตัวเช่น เบาหวาน
ตอบ: ก่อนเริ่มการฝังสีปากจะมีการทายาชาบริเวณฝีปากก่อน ดังนั้นระหว่างลงสีจะมีความรู้สึกเจ็บบ้างเล็กน้อย
ตอบ: ประมาณ 2-3 ครั้ง เนื่องจากการฝังสีปากจะทำให้สีปากดูสดใสขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ ดังนั้นหลังจากฝังสีแต่ละครั้งจึงต้องรอให้สีที่ใช้แสดงสีออกมา ซึ่งสีที่ฝังลงไปในริมฝีปากจะค่อยๆ แสดงสีชัดขึ้นหลังจาก 8 สัปดาห์หลังลงสี โดยการลงสีตามขั้นตอนปกติจะให้ผลดังนี้ ลงสีครั้งแรกคือการแก้สีปากที่ไม่เท่ากัน ครั้งที่สองคือการลงสีให้ดูเป็นธรรมชาติ และครั้งที่สามคือการลงสีตามต้องการ
ตอบ: หลังกระบวนการฝังสีปาก ริมฝีปากจะเกิดอาการบวมมากน้อยขึ้นอยู่กับบุคคล ซึ่งอาการบวมจะหายไปเองภายใน 1-2 วัน ในระหว่างนี้ควรทานอาหารที่ทานง่าย งดของหมัก ดอง อาหารเผ็ด ร้อน อาหารจำพวกซุปหรือมีน้ำเยอะ เช่น ก๋วยเตี๋ยว ชาบู เพื่อป้องกันไม่ให้สะเก็ดที่ริมฝีปากเปียกชื้น หลังรับประทานอาหารควรทำความสะอาดริมฝีปากด้วยสำลีชุบน้ำเกลือเพื่อรักษาความสะอาด
ตอบ: หลังกระบวนการฝังสีปากสามารถทาวาสลีนบางๆ ทุกวันเป็นเวลา 3 วันเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับริมฝีปาก ในช่วง 3-7 วันหลังการฝังสีไม่ควรแกะหรือเกาสะเก็ดบริเวณริมฝีปาก ไม่ควรล้างหน้าด้วยน้ำอุ่น งดซาวน่าและกิจกรรมทางน้ำหรือที่ทำให้เหงื่อออกมาก งดการถูกแดดจัด งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
ตอบ: หลังกระบวนการฝังสีปากหากรู้สึกปวดบริเวณริมฝีปากสามารถทานยาลดปวดได้
ต่อขนตา
ต่อขนตา
Eyelash Extension
การต่อขนตา (Eyelash extension) คือการนำเส้นขนตาปลอมที่ทำมาจากเส้นไหมสังเคราะห์หรือขนธรรมชาติต่อลงไปบนเส้นขนตาจริง เพื่อทำให้ขนตาดูยาว หนา งอน และเงางามขึ้น ช่วยเพิ่มสเสน่ห์ให้ดวงตาดูสดใส เปล่งประกายมากขึ้น
เพิ่มเสน่ห์ให้ดวงตาโดยไม่ต้องพึ่งการศัลยกรรม การต่อขนตาจึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ง่าย สะดวก และประหยัดเวลากว่าการตกแต่งขนตาในรูปแบบอื่น
การต่อขนตาที่ TINGLE เป็นการต่อขนตาที่เน้นความเป็นธรรมชาติ ปลอดภัย ไม่เป็นอันตรายต่อดวงตา ใช้เทคนิคการต่อขนตาแบบพิเศษที่ถนอมขนตาจริงของลูกค้า ไม่รู้สึกเจ็บในขณะที่ต่อขนตา ไม่รู้สึกระคายเคืองหลังจากที่ต่อขนตา ผลลัพธ์ที่เห็นได้ชัดเจนทันทีหลังต่อขนตาคือดวงตามีความกลมโตมากขึ้น มีเสน่ห์ ดูสวยหวาน น่ามองมากขึ้น นอกจากนี้ด้วยเทคนิคการต่อขนตาอันประณีตของ TINGLE ทำให้ขนตาที่ต่อไปแล้วติดทนนานถึง 4-6 สัปดาห์ (ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพขนตาและการดูแลของแต่ละบุคคล)
วิธีการต่อขนตาของ TINGLE มี 2 แบบ คือ
1. TINGLE LASH
คือ การต่อขนตาแบบเส้นต่อเส้น ขนตาจริง 1 เส้นต่อขนตาปลอม 1-2 เส้น ทำให้ขนตาเรียงตัวเลียนแบบขนตาธรรมชาติมากที่สุด
2. TINGLE VOLUME LASH
คือ การต่อขนตาแบบช่อ ขนตาจริง 1 เส้นต่อขนตาปลอม 3-5 เส้น ให้ความรู้สึกขนตาหนาฟู นุ่ม เบา ขอบตาชัด
รายละเอียดของขนตา
- นำเข้าจากประเทศ ญี่ปุ่น ใต้หวัน และอเมริกา
- คุณสมบัติ มีสารแอนตี้แบคทีเรีย
- ทำมาจากวัสดุไฟเบอร์คล้ายเส้นไหม (ยกเว้นขนตารุ่น Real mink ที่ทำมาจากขนมิงค์แท้)
- มีความยาว ความหนา และความงอนให้เลือกหลากหลายตามรูปทรงของดวงตาและลักษณะขนตาจริง
ประเภทของขนตาแบ่งออกเป็นดังนี้
ทำไมต้องต่อขนตาที่ TINGLE
เส้นขนตาและอุปกรณ์ทั้งหมด เรานำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น กาวต่อขนตาและครีมถอดขนตาได้รับการรับรองว่าปลอดภัยจาก อย.
มีห้องบริการส่วนตัว เพื่อให้ลูกค้ารู้สึกผ่อนคลาย และมีความเป็นส่วนตัวสูงสุด
เส้นขนตามีหลายขนาดให้เลือก เพื่อให้เหมาะกับความชื่นชอบของแต่ละท่าน และเหมาะกับเส้นขนตาจริงมากที่สุด
เส้นขนตาเงางามเป็นธรรมชาติ น้ำหนักเบา สะอาด ปลอดภัย
ผลลัพธ์ที่ได้มีความเป็นธรรมชาติ ไม่ก่อให้เกิดอาการระคายเคือง
ข้อดีของการต่อขนตา
- เปลี่ยนลุคของคุณได้ในทันที (ตาโตขึ้น ตาหวานขึ้น เซ็กซี่ขึ้น) เหมาะกับคนที่ไม่ชอบแต่งหน้า แต่อยากมีลุคตากลมโตสวยหวาน
- ขนตาสวยตลอด 24 ชม.ได้โดยไม่ต้องปัดมาสคาร่า
- ลดการเช็ดทำความสะอาดบริเวณตา
- ลดเวลาในการแต่งหน้า ถ้าเป็นขนตาปลอม ต้องติดขนตาใหม่ทุกวัน
- มีขนตาที่สวยนุ่มเบาสบายตา
- ให้ความรู้สึกใกล้เคียงธรรมชาติ
- ขนตาที่ต่อไม่สัมผัสกับขอบตา ทำให้ไม่รู้สึกระคายเคืองที่ผิวเหมือนการติดขนตาปลอม
- ไม่เป็นอันตรายไม่ก่อให้เกิดการระคายเคือง
- เหมาะสำหรับผู้ที่แพ้กาวติดขนตาปลอมชนิดแผง
ความแตกต่างระหว่าง
ต่อขนตา ติดขนตาปลอม ลิฟติ้งขนตา
การต่อขนตาจะให้ความเป็นธรรมชาติมากกว่าติดขนตาปลอม ส่วนการลิฟติ้งขนตาจะเหมาะสำหรับคนที่มีขนตาหนาและยาวอยู่แล้ว การลิฟติ้งจะเป็นการยกโคนทำให้ขนตางอนเด้งขึ้น แต่การต่อขนตานอกจากจะช่วยให้ขนตายาวและงอนขึ้นแล้ว ยังช่วยเพิ่มวอลลุ่มทำให้ขนตาดูหนาขึ้นได้ด้วย ซึ่งในคนที่มีขนตาบางและสั้นเหมาะที่จะต่อขนตามากกว่า
ข้อควรปฏิบัติหลังการต่อขนตา
- ไม่ควรให้ขนตาโดนน้ำ 4 ชั่วโมง
- ใช้มาสคาร่าสูตรเฉพาะทาบางๆ เคลือบขนตา เพื่อเพิ่มการติดทนนานขึ้น
- งดใช้ oil เช็ดทำความสะอาดขนตา เพราะจะทำให้กาวเสื่อมสภาพเร็ว และขนตาที่ต่อไปหลุดร่วงได้ง่าย
- งดเกาบริเวณเปลือกตา เพื่อกันการหลุดร่วงของเส้นขนตาจริง
ผู้ที่ไม่ควรต่อขนตาหรือควรเลื่อนการต่อไปก่อน
- ตาอักเสบ เป็นตาแดง หรือตากุ้งยิง
- ทำตาสองชั้นหรือสักขอบตามา อย่างน้อย1เดือนก่อนหน้า
- ขนตาดัดมา
- ขนตาขาดแหว่ง หรือไม่มีขนตาให้ต่อ
- เพิ่งทำเลสิกมา ควรเว้น อย่างน้อย 1 เดือน
คำถามที่พบบ่อย
ตอบ: ปกติการต่อขนตาจะมี 2 แบบ คือการต่อแบบเส้นต่อเส้น และการต่อแบบจับช่อวอลลุ่ม
1. การต่อแบบเส้น คือการใช้ขนตาปลอม 1 เส้น ต่อลงบนขนตาจริง 1 เส้น จะให้ความเป็นธรรมชาติ ดูแลรักษาง่าย
2. การต่อแบบจับช่อหรือแบบวอลลุ่ม คือการจับช่อขนตาปลอมหลายเส้น นำมาต่อลงบนขนตาจริง 1 เส้น ขนตาจะดูฟุ้ง และทำให้ขนตาดูหนา มีวอลลุ่มชัดเจน เหมาะกับการต่อขนตาที่ต้องการจำนวนเส้นเยอะๆ หรือเราสามารถเลือกการต่อแบบผสมผสาน 2 เทคนิคเข้าด้วยกันก็ได้ ทั้งแบบเส้นต่อเส้นและจับช่อผสมกัน เพื่อความสวยมากยิ่งขึ้น
ตอบ: ไม่มี เนื่องจากการต่อขนตา คือการนำเส้นขนตาปลอมไปติดบนเส้นขนตาจริง โดยใช้กาวกึ่งถาวรซึ่งได้รับ อย. จึงมั่นใจได้ว่าปลอดภัยแม้ใช้ในกระบวนการต่อขนตา ขนตาที่ต่อจะอยู่ห่างจากผิวเปลือกตาประมาณ 1-2 มิลลิเมตร เมื่อเวลาผ่านไปขนตาปลอมที่ต่อจะหลุดร่วงออกไปเอง พร้อมขนตาจริงที่ต้องหลุดตามธรรมชาติอยู่แล้ว
ตอบ: เป็นเส้นไหมญี่ปุ่นที่นำเข้าจากประเทศญี่ปุ่นโดยตรง
ตอบ: กาวที่ใช้ต่อขนตาผ่านการทดสอบแล้วว่าไม่ก่อให้เกิดไอที่ระเหยเป็นอันตรายต่อดวงตา ผ่านอย.ทั้งจากประเทศไทยและประเทศญี่ปุ่น
ตอบ: การต่อขนตาจะไม่ส่งผลต่อการหลุดร่วงของขนตาโดยตรง โดยธรรมชาตินั้นขนตาจะผลัดออกประมาณ 1-5 เส้นทุกวันในขณะที่เราไม่รู้ตัว แต่เมื่อต่อขนตาแล้วอาจต้องเพิ่มความระมัดระวังในการดูแล ไม่ว่าจะเป็นการทำความสะอาด หรือการเกาขนตา เพราะสำลีหรือเล็บอาจจะเกี่ยวที่เส้นขนตาปลอมให้หลุดออกมาพร้อมดึงเส้นขนตาจริงให้หลุดออกมาด้วย จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ขนตาจริงหลุดร่วงมากกว่าปกติเมื่อเราต่อขนตานั่นเอง
ตอบ: การต่อขนตา 1 ครั้ง ขนตาที่ต่อไว้จะติดอยู่กับขนตาจริงประมาณ 3 – 4 สัปดาห์ แต่ขนตาจะมีหลุดร่วงบ้างในช่วง 2 สัปดาห์แรก และหลุดเยอะขึ้นเมื่อเข้าสัปดาห์ที่ 3 เพราะความเหนียวของกาวต่อขนตาเริ่มเสื่อมสภาพลง
ตอบ: หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ล้างเครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของน้ำมันบริเวณดวงตา เนื่องจากจะทำให้กาวต่อขนตาเสื่อมสภาพเร็วกว่าปกติ และใช้คอตตอนบัดแทนสำลีแผ่นเมื่อทำความสะอาดรอบดวงตา เพื่อป้องกันไม่ให้ใยสำลีเกี่ยวกับขนตาที่ต่อ
ตอบ: ไม่ เนื่องจากขนตาที่ใช้ต่อทำจากเส้นไหมญี่ปุ่น มีน้ำหนักเบา แม้ต่อจำนวนเส้นเยอะก็ตาม
ตอบ: สำหรับผู้ที่ไม่เคยต่อขนตามาก่อน ทางร้านจะแนะนำให้ต่อจำนวนน้อยที่สุดของทางร้านก่อนคือ 60 เส้นต่อตา 1 ข้าง เพื่อจะได้เห็นผลลัพธ์ที่ไม่ต่างจากเดิมที่ไม่ต่อมากนัก